นางสาวพนิดา มงคลสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดสมุทรปราการ พรรคประชาชน ในฐานะ กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้าการประชุม กมธ. ว่า กมธ.ชุดนี้ใช้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคประชาชนเป็นร่างหลักในการพิจารณา ซึ่งประกอบด้วย 2 กลไกหลักทำงานคู่ขนานกัน คือ 1. กมธ.ร่างที่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนขั้นต้น 70 คนแล้วส่งชื่อให้รัฐสภาเลือก 35 คน และ 2. สภาที่ปรึกษา ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน 100 คน ทำหน้าที่รับฟังความเห็นประชาชน รณรงค์สร้างการมีส่วนร่วม แต่ไม่มีสิทธิ์ในการโหวตใน กมธ. ร่างรัฐธรรมนูญ
นางสาวพนิดา กล่าวถึงผลโหวตในมาตรา 256/1 เกี่ยวกับกลไกผู้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า กมธ. สัดส่วนพรรคประชาชนโหวตยืนยันให้คงไว้ตามร่างหลัก โดยที่ประชุมมีมติเสียงส่วนใหญ่ 21 ต่อ 9 งดออกเสียง 2 เสียง เห็นชอบตามร่างหลักของพรรคประชาชนว่าให้ใช้กลไก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน โดยรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อ ทั้งนี้ พรรคประชาชนยืนยันว่า เมื่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้ประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง พรรคจึงเสนอให้ใช้กลไกรัฐสภาเป็นผู้คัดเลือก กมธ.ร่าง และไม่เห็นด้วยกับกลไกที่ให้รัฐสภาคัดเลือก สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) แล้วค่อยให้ สสร. ไปเลือกผู้ยกร่างอีกที ซึ่งทำให้ผู้ร่างห่างจากอำนาจประชาชนถึง 2 ระดับ และพรรคเห็นว่ากลไกที่ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก กมธ.ร่างโดยตรง จะมีความใกล้ชิดกับประชาชนมากกว่า ห่างจากอำนาจประชาชนเพียง 1 ระดับ เท่านั้น
นางสาวพนิดา กล่าวด้วยว่า กมธ.สัดส่วนพรรคประชาชน 8 เสียง ที่ยืนยันให้สภาที่ปรึกษา 100 คนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ซึ่งเป็นการคงไว้ตามร่างเดิมของพรรคประชาชน แต่เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุม มีมติไม่เห็นชอบกับร่างหลักของพรรคประชาชน 23 ต่อ 8 งดออกเสียง 3 เสียง เนื่องจากมีข้อกังวลว่าหากสภาที่ปรึกษามีที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง แม้ไม่ได้ทำหน้าที่ยกร่าง ก็อาจขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวเห็นว่าเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะกลไกสภาที่ปรึกษานั้นจะสร้างความยึดโยงกับพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมาจากการเลือกตั้งโดยตรง การที่ประชาชนได้เลือกผู้ทำหน้าที่ไปรับฟังความเห็น รณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ และนำข้อเสนอที่ได้รับมาจากประชาชน ไปสะท้อนต่อ กมธ.ร่าง ได้อย่างตรงไปตรงมานั้น จะช่วยสร้างความชอบธรรมทางประชาธิปไตยให้กับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายใต้ข้อจำกัดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่เมื่อพรรคประชาชนแพ้โหวตในการให้คงไว้ซึ่งสภาที่ปรึกษา ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงตามร่างหลักแล้ว ที่ประชุม กมธ.จึงต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม โดยเสียงส่วนใหญ่ โหวตเห็นชอบด้วยมติ 22 ต่อ 1 และงดออกเสียง 9 เสียง ให้ใช้เป็นกลไก กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน 35 คน โดยรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อ สุดท้ายหัวใจสำคัญของมาตรานี้ คือการออกแบบกลไกผู้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด สร้างการมีส่วนร่วมสูงสุดของประชาชน บนข้อจำกัดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง