19 พ.ย.68- ประธาน กมธ.เศรษฐกิจฯ สผ. มองไทยเซ็น MOU ไทย-สหรัฐ เร่งรีบ ไร้แผนยุทธศาสตร์แร่หายากในประเทศ จี้ปรับโครงสร้างคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ หลังขาดผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ-เทคโนโลยี หวังยกระดับแร่หายากเป็นวาระแห่งชาติ ห่วงเสียโอกาสอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

image

        นายสิทธิพล  วิบูลย์ธนากุล ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมคณะอนุ กมธ. ศึกษาญัตติแนวทางการรับมือผลกระทบของสงครามการค้าต่อเศรษฐกิจไทย โดยมีการติดตามประเด็นการทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยแร่หายาก (Rare Earth) ระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่า สหรัฐฯ พึ่งแจ้งมายังกระทรวงการต่างประเทศก่อนมีการเซ็น MOU เพียงหนึ่งสัปดาห์ว่า ในโอกาสที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาร่วมประชุมอาเซียน และเป็นพยานในการลงนามข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา หลังเซ็นข้อตกลงสันติภาพเสร็จ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีการเซ็นข้อตกลงอีกฉบับกับกัมพูชา รวมถึงไทยด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากสหรัฐฯ ส่งเนื้อหา MOU ฉบับนี้ มายังกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดประชุมโดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ความเห็น เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมสนธิสัญญาฯ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยเห็นตรงกันว่าขอปรับแก้เนื้อหาเพื่อมั่นใจว่า MOU ฉบับนี้ จะไม่กระทบผลประโยชน์ของไทย ตัวอย่างเนื้อหาที่ปรับแก้ เช่น การกำหนดให้ฝ่ายสหรัฐอเมริกาต้องปฏิบัติตามกฎหมายของไทย การกำหนดให้มีเรื่องการถ่ายโอนเทคโนโลยี (Technology Transfer) และการสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Value Chain) ภายในประเทศ แทนที่จะเป็นเพียงการส่งออกวัตถุดิบอย่างเดียว ที่สำคัญมีการระบุข้อความว่า ไม่ผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ สามารถยกเลิกได้ รวมทั้งมีการปรับถ้อยคำให้รัดกุม

        นายสิทธิพล กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันต่อ อนุ กมธ.ว่า MOU ฉบับนี้ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ และการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแร่หายากในไทยต้องเป็นไปตามกฎหมายภายในประเทศ (Domestic laws) เท่านั้น พร้อมทั้งยืนยันว่า ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ทำหน้าที่ตรวจสอบถ้อยคำ เนื้อความ เพื่อให้เนื้อหาที่จะเซ็นไม่ส่งผลเสียต่อประเทศ อย่างไรก็ตามการตัดสินใจว่าจะเซ็นหรือไม่อยู่ที่ ฝ่ายนโยบาย เป็นสำคัญ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่า แร่หายากเป็นเรื่องสำคัญ เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าแห่งอนาคต การไม่เซ็นจะทำให้ไทยเสียโอกาส ขณะเดียวกันอเมริกาก็มีการเซ็นข้อตกลงแบบนี้กับหลายประเทศก่อนหน้าไทยแล้ว

        ประธาน กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจฯ กล่าวด้วยว่า ผู้แทนของกรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า ประเทศไทยยังไม่พบแหล่งแร่หายากที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ โดยความเข้มข้นที่พบต่ำกว่าระดับที่คุ้มค่า พบเพียง 200–300 PPM (Parts per million) เมื่อเทียบกับระดับที่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 1,500 PPM โดยปัจจุบันกรมทรัพยากรธรณีมีการสำรวจพื้นที่เป้าหมายไปแล้วประมาณ 30% ขณะที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเมืองแร่ให้ข้อมูลว่ายังไม่มีเอกชนรายใดมาขออนุญาตสำรวจหรือขอประทานบัตร ซึ่งก็อาจสะท้อนถึงความไม่คุ้มค่าในเชิงพาณิชย์

        นายสิทธิพล กล่าวด้วยว่า การลงนามระหว่าง ไทย-สหรัฐฯ ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า ไทยยังไม่มีแผนล่วงหน้าของประเทศเรื่องแร่หายาก แม้ว่ารัฐบาลจะทราบดีว่า “แร่หายาก” คือ วัตถุดิบจำเป็นสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคต ไม่ว่าจะพลังงานสะอาดหรือเซมิคอนดักเตอร์ ดังนั้น “แร่หายาก” จึงสมควรถูกยกมาพิจารณาอย่างจริงจัง ว่าเราจะมีแนวทางจัดการเรื่องนี้อย่างไร โดยเฉพาะการพิจารณาถึงปัจจัยทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งไทยมี คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ (กนร.) โดยมีตัวแทนหน่วยงานด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และหน่วยงานด้านอุตสาหกรรม แต่กลับไม่มีหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเข้าไปมีส่วนร่วม ตนตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ที่ผ่านมาประเด็นแร่หายากหลุดออกจากการกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจ

        ประธาน กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจฯ กล่าวถึงข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาล ว่า รัฐบาลควรให้กรมทรัพยากรธรณี สำรวจพื้นที่ที่มีศักยภาพอย่างจริงจัง แต่ที่ผ่านมาได้งบประมาณประจำปีไม่มากจึงทำได้ในพื้นที่จำกัด ปัจจุบันสำรวจได้เพียง 30% ดังนั้น รัฐบาล ควรจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสม เพื่อให้การสำรวจแร่หายากในประเทศได้ข้อมูลที่ชัดเจน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการกำหนดนโยบาย รวมทั้งให้ควรกำหนดยุทธศาสตร์แร่หายาก ให้ตอบสนองต่ออุตสาหกรรมเป้าหมาย และสอดคล้องกับห่วงโซ่อุตสาหกรรมไทยกับห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลก รวมทั้ง ควรปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ (กนร.) โดยให้มีผู้แทนที่เกี่ยวข้องหรือชำนาญด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศ ที่เข้าใจเรื่องภูมิรัฐศาสตร์และห่วงโซ่อุปทานโลก

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ