นางสาวภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และรองโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา เปิดเผยในรายการ ทันข่าววุฒิสภา ถึงการใช้งบประมาณจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ วงเงินรวมประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยพบว่ามีการใช้งบกลางถึง 434 ล้านบาท ว่า งบกลางควรใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือเหตุไม่คาดคิด เช่น ภัยพิบัติหรือวิกฤตเศรษฐกิจ ไม่ใช่โครงการที่สามารถวางแผนล่วงหน้าได้อย่างเช่นการจัดกีฬาซีเกมส์ การต้องพึ่งงบกลางจำนวนมาก สะท้อนถึงความล้มเหลวในการจัดทำงบประมาณเชิงบูรณาการของระบบราชการไทย ที่มักประมาณการงบต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อให้ผ่านการอนุมัติในชั้นแรก แล้วจึงขอเพิ่มภายหลัง ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมงบประมาณที่อันตราย พร้อมตั้งคำถามไปยังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการ ว่าเหตุใดการจัดทำงบประมาณปกติจึงไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงปัญหาด้านตัวเงิน แต่เป็นเรื่องวินัยการเงินการคลัง และหากเกิดความเสียหายต้องมีผู้รับผิดชอบ
นางสาวภิญญาพัชญ์ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยมีประสบการณ์และแผนปฏิบัติชัดเจน เพราะเคยเป็นเจ้าภาพซีเกมส์มาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะการเป็นเจ้าภาพครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2550 ที่จังหวัดนครราชสีมา การอ้างว่าประเมินค่าใช้จ่ายพื้นฐาน เช่น ค่าที่พัก ค่าเดินทาง หรือของที่ระลึกผิดพลาด จึงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า ล่าสุดมีนักกีฬาชาวลาวรีวิวของที่ระลึกที่ได้รับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประเด็นดังกล่าวควรมีการประเมินล่วงหน้าอย่างรอบคอบ พร้อมแสดงความเห็นส่วนตัวว่า ปัญหานี้เป็นความประมาทในการบริหารจัดการ หากหน่วยงานทำงานเชิงรุก มีการจัดทำฐานข้อมูลราคากลางที่เป็นปัจจุบัน และประสานงานกับคณะกรรมการจัดงานอย่างใกล้ชิด ปัญหาความล่าช้าและความบกพร่องย่อมไม่เกิดขึ้น และจะไม่ส่งผลเสียต่อนักกีฬา รวมถึงผู้สนับสนุนการแข่งขัน
ณัฐเดช เอียดปุ่ม ข่าว/เรียบเรียง
เพจเฟซบุ๊กวุฒิสภา ข้อมูล/ภาพ (แฟ้มภาพ)