นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา กล่าวถึงการพิจารณาศึกษาปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ภายหลังผู้แทนกรมประมง และตัวแทนเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจาก 19 จังหวัด เข้าให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการ ว่ากลุ่มผู้ร้องเรียนส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น ผู้ทำนากุ้งและผู้เลี้ยงปลา ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง คณะกรรมาธิการได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการทรัพยากรน้ำเป็นผู้ศึกษา พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งแม้จะได้ข้อมูลเบื้องต้นในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่พบหลักฐานหรือผลการวิจัยที่ชี้ชัดถึงพฤติการณ์และสาเหตุการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ขณะที่กรมประมงได้ดำเนินการศึกษาและจัดทำแผนงานรับมือจำนวน 7 แผนงาน เพื่อควบคุมและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
นายชีวะภาพ ระบุว่าโดยหลักการแล้วการระบาดของสัตว์น้ำต่างถิ่นเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นสิ่งมีชีวิตที่เมื่อหลุดเข้าสู่ระบบนิเวศแล้วอาจควบคุมได้ยาก และก่อให้เกิดผลกระทบในระยะยาว เช่น กรณีผักตบชวาที่รัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการจัดการแต่ยังคงเป็นปัญหามาจนถึงปัจจุบัน สำหรับปลาหมอคางดำ แม้จะมีการระบาดมาแล้วราว 10 ปี แต่การแพร่กระจายที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลังสะท้อนว่าภาครัฐจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมที่ชัดเจนและรัดกุมมากขึ้น ทั้งนี้ มาตรการของกรมประมงในบางแนวทาง เช่น การศึกษาการตัดต่อพันธุกรรมปลา ถือเป็นแนวคิดที่มีความเป็นไปได้ ขณะเดียวกัน ข้อมูลล่าสุดจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่าการสุ่มตรวจในพื้นที่รอบอ่าวไทยพบปลาหมอคางดำในปริมาณน้อยมาก ส่วนการแพร่กระจายที่พบชัดเจนอยู่ในพื้นที่น้ำขึ้นน้ำลง เช่น ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตรวจพบในบางพื้นที่ของจังหวัดนนทบุรีเท่านั้น
นายชีวะภาพ เห็นว่าข้อมูลดังกล่าวสะท้อนว่าต้องมีปัจจัยบางประการที่เอื้อต่อการแพร่ระบาด จึงจำเป็นต้องเร่งรวบรวมข้อมูลและผลการวิจัยที่เป็นระบบ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบาย โดยการสุ่มตรวจอย่างต่อเนื่องและต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย
คริส พุทธชาติ ข่าว/เรียบเรียง (แฟ้มภาพ)