นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดเชียงใหม่ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถามนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนจากการทำเหมืองในฝั่งชายแดนประเทศเมียนมาที่ส่งผลกระทบมายังแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย ว่า ตนขออขอบคุณที่ เมื่อวันที่ 9 ต.ค.68 ที่นายสุชาติ ชมกลิ่น และคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามปัญหาด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะ 3 ปัญหาหลัก คือ 1. น้ำประปาเป็นพิษ 18 หมู่บ้าน โดยตรวจพบสารตะกั่วเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งสถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อเดือน มิ.ย. ตรวจพบ 4 หมู่บ้าน เดือน ก.ค. ตรวจพบ 6 หมู่บ้าน, และเดือน ส.ค. ตรวจพบสูงถึง 18 หมู่บ้าน ส่งผลกระทบรุนแรงกับระบบประปาหมู่บ้าน ซึ่งคิดเป็น 85% ของการใช้น้ำในจังหวัดเชียงราย ไม่ใช่ประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) 2. สารหนูเกินเกณฑ์ความปลอดภัยในประชาชนกลุ่มเสี่ยง 7 ราย และ 3. พื้นที่ปลูกข้าวนาปี 100,000 ไร่ ยังไม่มีมาตรการรองรับ เนื่องจากมีการใช้น้ำปนเปื้อนสารโลหะหนักจากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการตรวจที่ชัดเจน และไม่มีมาตรการเยียวยารองรับหากตรวจเจอสารโลหะเกินมาตรฐาน จากปัญหาดังกล่าวตนขอสอบถามว่า รัฐบาลมีแนวทางจัดการปัญหามลพิษข้ามแดนผ่านการเจรจาระหว่างประเทศอย่างไร และมีมาตรการรองรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงรายอย่างไร ทั้งนี้ รัฐบาล ควรตั้งโครงการโดยใช้งบกลางเพื่อแก้ไขวิกฤตนี้ และจัดทำ ฐานข้อมูลร่วม ที่รวมผลการตรวจน้ำ ตรวจประปา ตรวจพืชผลเกษตร และผลการตรวจสุขภาพทั้งหมด และเปิดเผยต่อสาธารณชน
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวชี้แจงถึงแนวการแก้ไขปัญหาน้ำประปาปนเปื้อน ว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) แล้ว โดย กปภ. ชี้แจงว่าใช้แหล่งน้ำหลักจากแม่น้ำอาย และทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้จัดเตรียมแหล่งน้ำสำรอง เช่น การเจาะน้ำบาดาล เพื่อช่วยเรื่องผลผลิตการเกษตรไว้แล้ว ส่วนการติดตามผลกระทบด้านสุขภาพ ได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัด ให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยเฉพาะการตรวจสารหนูตกค้างในประชาชนกลุ่มเสี่ยง
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดน ว่า ปัญหามลพิษแม่น้ำกก ถือเป็นวาระเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และในการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวานนี้ (15 ต.ค.68) ได้มีการนำเรื่องนี้มาพิจารณาแล้ว โดยที่ประชุมฯ มีมติตั้งคณะทำงาน 2 คณะ ประกอบด้วย 1. คณะทำงานประสานงานความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาคุณภาพแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย โดยมีรองปลัดกระทรวงต่างประเทศ เป็นประธาน และ 2. คณะติดตามสถานการณ์ปัญหาและผลกระทบต่อสุขภาพในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย โดยมีอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เป็นประธาน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้เตรียมข้อมูลสำหรับการประชุมระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น เวที China-ASEAN Environmental Cooperation ในวันที่ 21-23 ต.ค.นี้
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง