16 ต.ค. 68 - ประธานคณะกมธ.การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เผย ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางส่งเสริมการทำงานของผู้สูงวัย ด้วยมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี ชี้ช่วยลดภาระรัฐ กระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับคุณค่าผู้สูงวัยในสังคม

image

           นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะกมธ. แถลงข่าวเกี่ยวกับการพิจารณาศึกษาการส่งเสริมการทำงานของผู้สูงวัยด้วยมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปกว่า 13 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ภาครัฐจะให้ความช่วยเหลือผ่าน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รายเดือนระหว่าง 600–1,000 บาทตามช่วงอายุ แต่ถือเป็นเพียงมาตรการขั้นต้นในการดูแลผู้สูงวัยเท่านั้น

           นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ผู้สูงวัยจำนวนมากยังคงมีศักยภาพในการทำงาน มีสุขภาพแข็งแรง และมีความรู้ความสามารถ จึงควรได้รับโอกาสในการทำงานต่อ ทั้งในรูปแบบงานประจำ งานอิสระ หรือการจ้างงานรายชั่วโมง ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ผู้สูงวัยมีรายได้และความภาคภูมิใจในตนเอง แต่ยังเป็นแนวทางสำคัญในการลดภาระของภาครัฐและส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ คณะกมธ. เห็นควรกำหนดมาตรการยกเว้นการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปี 1 วันขึ้นไป และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 500,000 บาท เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้สูงวัยมีความมั่นใจในการทำงานต่อเนื่อง พร้อมช่วยลดภาระของหน่วยงานภาครัฐในระยะยาว และผลักดันให้สังคมยอมรับการทำงานของผู้สูงวัยมากยิ่งขึ้น

            นายเอกพร รักความสุข รองประธานคณะกมธ.การแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะกมธ. มีมติเห็นชอบให้มีการสนับสนุนการทำงานของผู้สูงวัย โดยเสนอให้รัฐบาลออกมาตรการพิเศษยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับผู้สูงวัยที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 500,000 บาท เนื่องจากโดยปกติผู้สูงวัยไม่ได้มีรายได้สูงอยู่แล้ว รายได้ระดับดังกล่าวเฉลี่ยเพียงราว 45,000 บาทต่อเดือน ซึ่งไม่มากนัก การยกเว้นภาษีจึงถือเป็นการช่วยเหลือที่ตรงจุด และหากภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงวัยอย่างจริงจัง จะช่วยกระตุ้นให้ภาคเอกชน โดยเฉพาะบริษัทและห้างร้าน มีแรงจูงใจในการจ้างงานเพิ่มขึ้น เพราะไม่ต้องเสียภาษีในส่วนที่จ่ายให้ผู้สูงวัยเหมือนพนักงานทั่วไป อีกทั้งผู้สูงวัยจำนวนมากเคยเป็นผู้เสียภาษีมาตลอดช่วงวัยทำงาน การยกเว้นภาษีหลังอายุ 60 ปี จึงถือเป็นการตอบแทนและเปิดโอกาสให้ผู้สูงวัยได้ทำงานต่อในอาชีพหรือรูปแบบอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม หากภาครัฐจัดระบบภาษีให้เหมาะสม จะช่วยลดปัญหาการแย่งงานระหว่างวัย หรือการพึ่งพาแรงงานต่างชาติได้ อีกทั้งยังสร้างประโยชน์ในภาพรวมต่อเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้ผู้สูงวัยกลายเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่าของสังคมอย่างแท้จริง

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม / ข่าว / เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ