16 ต.ค.68 – พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ เสนอ 7 มาตรการเชิงรุกร่วมปราบปรามสแกมเมอร์ ขบวนการฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ ใช้โมเดล 3 ตัด ตัดไฟ–ตัดเน็ต–ตัดน้ำมัน สกัดฐานปฏิบัติการชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมตั้งศูนย์นานาชาติปราบอาชญากรรมไซเบอร์ และรื้อระบบบัญชีม้า–ซิมม้า กลับมาใช้ศูนย์ AOC 1441 ช่วยเหยื่อออนไลน์แบบเร่งด่วน จี้นายกฯ ชัดเจนในการจัดการปัญหา

image

        พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แถลงการณ์เป็นข้อเสนอมาตรการเชิงรุกในการร่วมปราบปรามสแกมเมอร์ ขบวนการฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ ว่าปัญหานี้เคยได้รับการแก้ไขจนเห็นผลเป็นรูปธรรมในรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่กลับมาเป็นปัญหาสำหรับประชาชน และเป็นประเด็นใหญ่ระดับโลกอีกครั้ง สืบเนื่องจากกรณีที่มีการกดดันจากสหรัฐ อังกฤษ และเกาหลี เดินหน้าปราบปรามติดตามขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชาอย่างจริงจัง ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ยกระดับมาตรการปราบปรามขบวนการดังกล่าวเพื่อไม่ให้ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรม ด้วยการดำเนิน 7 มาตรการสำคัญ
นายประเสริฐ กล่าวว่า มาตรการที่ 1 ที่รัฐบาลควรทำ คือ 3 ตัด ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต ตัดการขนส่งน้ำมัน เพื่อสกัดศูนย์กลางสแกมเมอร์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยอาจพิจารณายกระดับจากโมเดลความร่วมมือระหว่างประเทศไทย จีน เมียนมา ที่สำเร็จมาแล้วในสมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 2. ไทยต้องกลับมาเข้มงวดเรื่องการปิดเส้นทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการหลอกลวงนำคนไทยข้ามไป แล้วต้องลักลอบหนีกลับเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย 3.เร่งสานต่องานจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศที่เกี่ยวข้องอื่นเพื่อตั้งศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกค.) ระดมความร่วมมือจากนานาประเทศ ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติอย่างเป็นรูปธรรม แก้ไขขั้นเด็ดขาดช่วยเหลือเหยื่อกลับบ้าน 4.เจรจากดดันเพื่อให้กัมพูชายอมรับเงื่อนไขข้อที่ 3 ซึ่งปรากฏอยู่ในเงื่อนไข 4 ข้อ ตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร เรื่องการร่วมปราบปรามสแกมเมอร์ และจะมีการลงนามข้อตกลงสันติภาพในการประชุมอาเซียนซัมมิท วันที่ 25 ตุลาคม นี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 5.ให้รัฐบาลกลับมาจริงจังเรื่องของการระงับบัญชีม้า และซิมที่ผูกกับโมบายแบงก์กิ้งที่ได้รับการพิสูจน์ยืนยันว่าเกี่ยวข้อง ตลอดจนการปราบปรามเว็บพนันและเว็บหลอกลวงผิดกฎหมายเพื่อป้องกันมิจฉาชีพออนไลน์ในประเทศ โดยในรัฐบาลชุดที่แล้วใช้มาตรการนี้ในการระงับบัญชีม้ากว่า 5 แสนบัญชี และป้องกันการสูญเสียได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท 6.เร่งออกกฎหมายลำดับรองเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.ก.) ป้องกันและปรามอาชญากรรมด้านไซเบอร์และ พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล 7.ให้รัฐบาลใช้ศูนย์ AOC 1441 ที่ได้ตั้งขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว เพื่อเป็น One Stop Service ในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการหลอกลวงออนไลน์แบบแร่งด่วน เพื่อให้เรื่องร้องทุกข์ เรื่องระงับธุรกรรมทางการเงิน และเรื่องการประสานงานกับธนาคารและตํารวจไซเบอร์กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง

        นายประเสริฐ กล่าวว่าประเด็นดังกล่าวเป็นข้อเสนอที่พรรค พท.เสนอให้รัฐบาลนำไปสู่การแก้ไข เพิ่มเติมจากมาตรการเดิมที่รัฐบาลตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าว เป็นการตั้งตามการบริหารนโยบายเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีคณะกรรมการที่ขับเคลื่อนนโยบาย คือคณะกรรมการตาม พ.ร.ก.ในข้อเสนอที่ 6 พรรคเพื่อไทยขอรียกร้องให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย สร้างความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา โดยยึดประโยชน์ชาติและประชาชนเป็นหลัก เดินหน้าปราบสแกมเมอร์คอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง ให้เป็นยุทธศาสตร์หลัก ไม่ใช่ทำตามกระแสเพื่อหวังคะแนนนิยมทางการเมือง เช่นเดียวกับกรณีของ นายเบน สมิธ ที่รัฐบาลต้องตรวจสอบและดำเนินการ หากเป็นเรื่องผิดกฎหมาย

อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ