นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค กล่าวถึงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แสดงความคิดเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สามารถผ่านถึงวาระที่ 3 ได้ ส่วนหนึ่งเกิดจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมลงมติไม่ครบตามมติคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก นายจุลพันธ์ ระบุว่า ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีหลายมาตราที่สมาชิกจากทุกพรรคการเมือง รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชน (ปชน.) ไม่ได้ลงมติครบทุกมาตรา ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามกระบวนการประชุมรัฐสภา อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยได้ระดม สส. เข้าร่วมลงมติอย่างเต็มที่ตามที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ร้องขอไว้ก่อนการลงมติ สะท้อนถึงความตั้งใจของพรรคเพื่อไทยในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายจุลพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากพิจารณาในภาพรวมของสถานการณ์ จะเห็นได้ว่าการลงมติในวาระที่ 3 ยังมีข้อจำกัดจากเงื่อนไขทางการเมือง โดยเฉพาะท่าทีของพรรคการเมืองบางพรรคและบทบาทของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งแม้จะผ่านวาระที่ 2 ยังมีความเป็นไปได้ยากที่จะผ่านในวาระสุดท้าย ตนเห็นว่าทุกฝ่ายควรทบทวนบทเรียนจากกระบวนการที่ผ่านมา และใช้โอกาสของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงเป็นเวทีให้ประชาชนตัดสินใจทิศทางทางการเมืองของประเทศ พร้อมย้ำว่าการเดินหน้าเข้าสู่สนามเลือกตั้งอย่างสร้างสรรค์ จะเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดภายใต้บริบททางการเมืองในปัจจุบัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสที่มองว่าเป็นการโยนความรับผิดชอบให้พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในช่วงเวลานั้น ข้อจำกัดของกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายสามารถประเมินได้อยู่แล้ว และผลลัพธ์ที่ไม่สามารถผ่านวาระที่ 3 ได้ เป็นผลจากโครงสร้างและเงื่อนไขทางการเมืองโดยรวม ไม่ได้เกิดจากพรรคใดพรรคหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว
คณรัตน์ ยินดีมิตร ข่าว / เรียบเรียง