สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จัดประชุมชี้แจงสื่อมวลชนประเด็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ณ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการกกต.กล่าวถึงวิธีการหาเสียง โดยกล่าวถึงความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 40 ฐานความผิด การหาเสียงที่ไม่ผิดกฎหมายคือการขายความคิด การขายนโยบาย และการขายเครดิต โดยไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องจะถือว่าเป็นการหาเสียงที่แท้จริง
สำหรับฐานความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เช่น การทำลายเครื่องมือและกระบวนการในการจัดการเลือกตั้ง เช่น การทำให้บัตรเสียหาย รวมถึงการทำลายเจตนารมณ์การเลือกตั้งโดยตรงและโดยลับ ทำให้การเลือกตั้งไม่มีเสรีภาพ มีการจ้างให้สิ่งของ ข่มขู่ หรือการพนันจัดการเลือกตั้ง กกต.จะต้องมีการออกกฎระเบียบและรายละเอียดของฐานความผิดต่อไป
อย่างไรก็ตามสื่อมวลชน ห้ามทำโพลโดยมีเจตนาไม่สุจริต มีลักษณะชี้นำหรือมีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนน มีความผิดตามมาตรา 72 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ทั้งนี้ห้ามมีการเปิดเผยผลโพลในระหว่างเวลา 7 วันก่อนวันเลือกตั้งถึงเวลาปิดการลงคะแนน
ร.ต.อ.ชนินทร์ แสดงความกังวลการหาเสียงที่อาจเข้าข่ายจูงใจด้วยเงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่น ขอให้ผู้สมัครระมัดระวังการทำบุญใส่ซอง การจัดมหรสพ หรือการเลี้ยงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พร้อมเตือนการปราศรัยใส่ร้ายด้วยความเท็จ และขอให้สื่อมวลชนระวังไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทั้งยังย้ำลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร เช่น ติดยาเสพติด ล้มละลาย ทุจริต หรือเป็นเจ้าของ/ผู้ถือหุ้นกิจการสื่อ
ส่วนกรณีอินฟลูเอนเซอร์ลงสมัคร ถือว่าสุ่มเสี่ยงและไม่ควรทำตนเป็นตัวอย่างถูกดำเนินคดี โดยกรณีผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำคอนเทนต์เชิงเอนเตอร์เทน การใช้สื่อออนไลน์เผยแพร่หรือวิเคราะห์การเมืองและมีรายได้จากแพลตฟอร์ม ไม่เข้าข่ายเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นกิจการสื่อ อันเป็นลักษณะต้องห้าม
ด้านนายเกรียงไกร พานดอกไม้ รองเลขาธิการ กกต. ย้ำพรรคการเมืองต้องกำหนดนโยบายให้ชัดเจน ทั้งวงเงิน แหล่งที่มา ความคุ้มค่า ประโยชน์ และความเสี่ยง ส่งให้ กกต. ทราบไม่น้อยกว่า 20 วันก่อนเลือกตั้ง โดยสามารถหาเสียงได้แม้ยังไม่ผ่านการตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีพรรคใดส่งนโยบายให้ กกต.
สำหรับการตรวจสอบพรรคการเมือง จะมีการแต่งตั้งผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเงินการทางเศรษฐกิจ มีหน้าที่ตรวจนโยบายของพรรคการเมือง และคณะกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่ในการเรียกเอกสารหรือให้พรรคการเมืองชี้แจงประกอบการพิจารณาของ กกต. ประกอบไปด้วย 1.ผู้แทนของกระทรวงการคลัง 2.กระทรวงพาณิชย์ 3.สำนักงบประมาณ 4.สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5.ธนาคารแห่งประเทศไทย 6.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 7.สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)
อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง