นายชัชวาล แพทยาไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)จังหวัดร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย ทวงถามรัฐบาลระหว่างการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในวาระที่ 2 ถึงความชัดเจนการจ่ายเงินชดเชยชาวนาไร่ละ 1,000–1,200 บาท หลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(นบข.)ยังไม่มีคำตอบแน่ชัดว่าจะได้หรือไม่ได้และจ่ายเมื่อไร ซึ่งชาวนาทั่วประเทศกำลังเผชิญภาวะขาดทุนหนักจากราคาข้าวตกต่ำและต้นทุนการผลิตสูง
นายชัชวาล กล่าวว่า ราคาข้าวเปลือกปี 2568–2569 อยู่เพียง 6,300–7,000 บาทต่อตัน ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตซึ่งอยู่ที่ 7,800–8,900 บาทต่อตัน ขณะที่ข้าวนาปรังในภาคกลาง ราคาเหลือเพียง 4,000–5,000 บาทต่อตัน ต่ำกว่าต้นทุน 6,000–6,500 บาทต่อตัน ส่งผลให้ชาวนาขาดทุนต่อเนื่อง รายได้ไม่เพียงพอเลี้ยงครอบครัว และสถานการณ์ยิ่งตึงเครียดเมื่อยังไม่มีการประกาศกำหนดวันจ่ายเงินชดเชยไร่ละ 1,000–1,200 บาท ทั้งที่เป็นมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เพราะหากปล่อยให้ล่าช้าจะเป็นการซ้ำเติมปัญหาสภาพคล่องของเกษตรกรอย่างหนัก
นายชัชวาล ยังกล่าวถึงสาเหตุราคาข้าวตกต่ำ ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยภายนอก เช่น ผลผลิตข้าวเกินความต้องการ อินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวแข่งกับไทย และค่าเงินบาทแข็งค่าจนทำให้ข้าวไทยแพงในตลาดโลก ประกอบกับต้นทุนภายในประเทศที่สูงขึ้นจากปุ๋ย ค่าแรง และค่าขนส่ง รวมถึงนโยบายบางอย่าง เช่น การห้ามเผาฟาง ที่เพิ่มภาระให้เกษตรกร ดังนั้น จึงเสนอให้รัฐเร่งควบคุมราคาปัจจัยการผลิต ทบทวนนโยบายห้ามเผาฟาง พร้อมหาตลาดส่งออกใหม่ เช่น จีน ซาอุดีอาระเบีย และญี่ปุ่น เพื่อพยุงราคาในระยะยาว ตลอดจนสนับสนุนเทคโนโลยีการผลิตและระบบการตลาดให้เข้มแข็ง พร้อมย้ำว่า รัฐบาลต้องเร่งประกาศกำหนดวันจ่ายเงินชดเชยอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ เพื่อให้เงินถึงมือเกษตรกรโดยเร็ว ลดภาระในระยะสั้น ควบคู่กับการวางแผนแก้ปัญหาต้นทุนและราคาข้าวในระยะยาวอย่างยั่งยืน
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง