นายจุลพงศ์ อยู่เกษ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ในรายการจับกระแส แลสภา ออกอากาศทาง Youtube : TP Radio News ถึงการประเมินท่าทีของรัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ เกี่ยวกับแนวทางในเวทีโลก ต่อสถานการณ์ชายแดนไทยกับกัมพูชา ว่าตนเห็นว่าในช่วงที่ผ่านการตอบโต้ของไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ทั้งการตอบโต้ทางการข่าวและจิตวิทยายังช้ากว่าฝ่ายกัมพูชา ทำให้ไทยต้องตามชี้แจงแก้ข่าว แต่ในระยะหลังนี้พบว่าตอบโต้ได้เร็วขึ้น ส่วนการปฏิบัติการทางทหารของกองทัพด้วยยุทธวิธี ตนมองว่าสามารถทำได้ดีแล้วในระดับที่มีความลอดคล้องกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย เพื่อไม่ให้ถูกกัมพูชานำไปเป็นประเด็นเข้าสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ศาลโลก)
นายจุลพงศ์ รองประธาน กมธ.การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเห็นด้วยกับการแถลงข่าวของกระทรวงการต่างประเทศว่าดำเนินการมาถูกทางแล้วในการเรียกร้องให้รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาที่ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 เข้ามาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ฝังอยู่บริเวณตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่ออาศัยนานาชาติให้เข้ามากดดันฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประธานรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา จัดทีมเข้ามาช่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเชิญกัมพูชาเข้าร่วมด้วย เพราะกัมพูชาเป็นหนึ่งในรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งหากกัมพูชาไม่เข้าร่วม ย่อมเป็นการแสดงความชัดเจนต่อสังคมโลกว่ากัมพูชาจงใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวาเกี่ยวกับการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
นอกจากนี้ รองประธาน กมธ.การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้า ทาง กมธ. จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) และกระทรวงการต่างประเทศ เข้ามาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงภายหลังการเจรจาหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งทางกัมพูชาไม่ยอมรับใน 2 เรื่อง คือ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 และการปราบสแกมเมอร์ คณะ กมธ. จึงต้องการสอบถามกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภาคสนามอยู่ในขณะนี้ว่ามีการดัดแปลงยุทธวิธีในการลดตระเวนอย่างไร ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ คณะ กมธ. จะสอบถามว่าได้ดำเนินการอย่างไรบ้างในทางการทูตระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดการกดดันในเวทีนานาชาติต่อกัมพูชาต่อประเด็นการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2
คณรัตน์ ยินดีมิตร / ข่าว / เรียบเรียง
