13 ส.ค. 68 – รองประธานคณะกมธ.วิสามัญฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณางบฯ มุ่งเน้นความจำเป็นของหน่วยงานและแผนพัฒนาพื้นที่ สอดคล้องหลักธรรมาภิบาล สุจริต โปร่งใส พร้อมเตรียมงบรองรับผลกระทบเศรษฐกิจชะลอตัว และยืนยันศักยภาพการจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายงบอย่างเต็มประสิทธิภาพ

image

           นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณางบฯ วาระที่สองและสาม หลังจาก สส.หลายคนได้อภิปรายมาตรา 4 เรื่องภาพรวมของร่าง พ.ร.บ.งบฯ ดังกล่าว ว่าคณะกมธ.วิสามัญฯ พิจารณางบประมาณโดยเน้น ความจำเป็นของภารกิจหน่วยรับงบประมาณ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการประชาชน พร้อมคำนึงถึง ฐานะทางการคลัง เสถียรภาพเศรษฐกิจ และยืนยันหลักการ ธรรมาภิบาล สุจริต โปร่งใส และเป็นธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและประชาชน สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจปี พ.ศ. 2569 ที่มีแนวโน้มชะลอตัว นายจุลพันธ์ชี้แจงว่า รัฐบาลได้เตรียมงบประมาณรองรับ ผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของต่างประเทศ และมีกลไกบริหารจัดการหนี้สาธารณะระยะยาว พร้อมยืนยันว่ามี ศักยภาพเพียงพอในการจัดเก็บรายได้ และมีกลไกสำรองทั้งเงินคงคลัง เงินทดลอง และการแก้ไขงบประมาณ เพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน

         นายจุลพันธ์ กล่าวต่อไปว่าการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐเป็นเครื่องมือหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลดงบประมาณอาจสะท้อนถึงความไม่มั่นใจของภาคเอกชนและนักลงทุน ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาว พร้อมยืนยันสามารถบริหารจัดการงบตามร่างกฎหมายงบประมาณประมาณปี พ.ศ. 2569 ได้เต็มประสิทธิภาพ ส่วนด้านความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นายจุลพันธ์ระบุว่าการพิจารณางบประมาณ สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และกฎหมายงบประมาณ โดยเฉพาะ มาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญที่กำหนดว่า สส.ไม่สามารถแก้ไขรายการหรือจำนวนเงินหลักได้ แต่สามารถแปรญัตติหรือตัดรายจ่ายที่มิใช่ผูกพันได้ โดยงบชำระหนี้และดอกเบี้ยรวม 421,000 ล้านบาท ไม่ได้ปรับลดหรือตัดทอน สำหรับงบชดเชยประชาชน เช่น ชาวนาไร่ละ 1,000 บาท และการชดเชยการเผาอ้อย อยู่ในแผนการดำเนินงานของรัฐบาล และกำลังอยู่ระหว่างการประชุมเพื่อสรุปมาตรการให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน

         อย่างไรก็ตามในร่างมาตรา 4 กำหนดงบประมาณ 3,780,000 ล้านบาท นายจุลพันธ์ชี้แจงว่า คำว่ารวมทั้งสิ้น หมายถึง จำนวนสูงสุดที่อนุญาตให้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันได้ สอดคล้องกับการรับหลักการวาระที่ 1 และกฎหมายงบประมาณ จึงไม่จำเป็นต้องแก้ไขเป็นคำว่าไม่เกิน ส่วนด้านการขาดดุลรัฐบาลวางแผนไว้ 860,000 ล้านบาท คิดเป็น 4.3% ของ GDP สำหรับปี พ.ศ. 2569 โดยมีแผนลดการขาดดุลต่อเนื่องปี พ.ศ. 2570–2572 เพื่อมุ่งสู่ งบประมาณสมดุลในอนาคต ทั้งนี้ยืนยันว่าการกู้เงินเพื่อการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วย กระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว เพิ่มรายได้รัฐ และลดสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ