การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 วาระที่ 2 และ 3 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายแปรญัตติในมาตรา 4ของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยขอปรับลดงบประมาณลง 5% ระบุว่างบลงทุนในปีนี้ไม่ได้มุ่งสร้างอนาคตประเทศ และการจัดสรรงบยังขาดความรอบคอบ ในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญ 2 วิกฤตและ 2 สงคราม ได้แก่ วิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา ความไม่มั่นคงทางการเมือง และสงครามการค้า แต่การแปรญัตติของรัฐบาลไม่ตอบโจทย์การเตรียมงบประมาณรองรับสถานการณ์เหล่านี้ ทำให้การปรับลดงบของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพียง 8,921 ล้านบาท หรือ 0.24% ของงบทั้งหมด ยังน้อยกว่ามาตรฐาน 5 ปีที่ผ่านมา
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าการแปรญัตติกลับมาของรัฐบาลแม้ปรับลดงบลงทุน เช่น ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างลงถึง 1 ใน 3 แต่ไม่ได้เปลี่ยนไปสู่การลงทุนเพื่ออนาคต ยังมีการจัดสรรงบไปในรายจ่ายประจำเช่น เงินเดือนบุคลากรองค์กรอิสระและองค์การมหาชน ขณะที่งบลงทุนส่วนใหญ่ยังเป็นโครงการสร้างตึก ตัดถนน ขุดคลอง ซึ่งไม่สอดคล้องกับความจำเป็นของประเทศ กระบวนการจัดทำงบประมาณขาดความโปร่งใสและไม่มีแผนที่ชัดเจน มีเงินนอกงบประมาณจำนวนมากที่สภาไม่สามารถตรวจสอบได้ เช่น อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่ม และงบซื้ออาคารสกายไนน์ที่กองทุนประกันสังคมซื้อแพงเกินจริง ขณะที่การลงทุนที่จำเป็นต่อเศรษฐกิจและประชาชน เช่น การเยียวยาอุทกภัย การรับมือชายแดน ถูกละเลย
นายณัฐพงษ์ เสนอว่าควรนำงบลงทุนมุ่งไปสู่โครงการสร้างอนาคต เช่น ปลูกป่าเศรษฐกิจ พัฒนาอุตสาหกรรมวัสดุชีวภาพ (Biomaterial) ส่งเสริมเมืองรองและคุณภาพชีวิตประชาชน ขยายพลังงานสะอาดและโซลาร์บนหลังคา ช่วยลดค่าไฟและดึงดูดนักลงทุน รวมถึงพัฒนาข้าวหอมมะลิและเกษตรอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามมองว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คิดไม่รอบด้าน และไม่ลึก จึงจำเป็นต้องสงวนคำแปรญัตติ เพื่อปรับลดกรอบวงเงินรวม เปิดทางให้ประเทศไทยมีพื้นที่ทางการคลังเพียงพอสำหรับลงทุนอย่างถูกจุดและสร้างอนาคตประเทศ
ณัฐเดช เอียดปุ่ม/ข่าว/เรียบเรียง
