นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายมาตรา 6 (12) งบประมาณรายจ่ายงบกลาง เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งในชั้นกรรมาธิการวิสามัญได้ปรับเพิ่มจากเดิม 98,000 ล้านบาท เป็น 99,000 ล้านบาท โดยตนคิดว่าจะเป็นประโยชน์หากจะได้ให้ข้อสังเกตบางเรื่อง จึงหยิบประเด็นนี้ เนื่องจากเงินสำรองจ่ายฯ หากใช้ในกรณีจำเป็นจริง ๆ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก อย่างกรณีเงินกู้ กยศ. ที่มีปัญหาเรื่องเงินไม่พอ การที่รัฐบาลได้ใช้เงินสำรองจ่ายฯ มาช่วยเรื่องนี้ถือว่าเป็นประโยชน์กับนักเรียนทั่วประเทศ ซึ่งการให้คนได้มีความรู้ เป็นการลดช่องว่างสังคมที่ดีที่สุด
ส่วนเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูช เพื่อที่จะให้เจ้าหน้าที่มีกำลังใจในการทำงาน โดยกรอบวงเงินให้เจ้าหน้าที่ (ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตชด.) ที่เสียชีวิตและทุพพลภาพ ให้ 10 ล้านบาท หากได้รับบาดเจ็บสาหัส ให้ 1 ล้านบาท และบาดเจ็บมาก ให้ 500,000 บาท หากเป็นประชาชนเสียชีวิตและทุพพลภาพ ให้ 8 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส ให้ 800,000 บาท และบาดเจ็บมาก ให้ 400,000 บาท ซึ่งเข้าใจดีว่าเงินเยียวยาไม่อาจจะเปรียบเทียบกับชีวิตที่เสียไปได้
โดยนับตั้งแต่นโยบายวันที่ 8 เมษายน 2544 เป็นต้นมา ไทยสูญเสียทหารในกองทัพไทย และประชาชนเป็นจำนวนมากกว่า 7 พันคน ไม่นับรวมผู้บาดเจ็บและทุพพลภาพที่มีมากกว่า 1 หมื่นคน ซึ่งต้องเห็นคุณค่าชีวิตมากกว่าเงิน และจะต้องคิดว่าความมั่นคงมีเหมือนกันทุกภาค ตนเคยไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บในภาคใต้ ทุกคนปรารภเหมือนกันว่าหากได้เงินเยียวยาเพิ่มก็จะเป็นประโยชน์ และมติ ครม. ดังกล่าว อาจทำให้เกิดความรู้สึก 2 ด้าน คือ ตั้งคำถามถึงหวามเหลื่อมล้ำ และความคาดหวังว่ารัฐบาลจะช่วยปรับค่าชดเชยให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ในภาคใต้ก็เสี่ยงไม่ต่างจากทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนั้น ตนจึงอยากบอกว่าหากต้องการความสามัคคี ก็ต้องปฏิบัติให้เหมือนกัน ทำให้คนเกิดความรู้สึกว่าไม่ถูกเลือกปฏิบัติ
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงว่า ครม. อนุมัติไปแล้ว 300 ล้านบาท เพื่อนำไปชดเชยให้ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะชายแดน ส่วนจะสามารถดำเนินการขยายไปยังกลุ่มอื่นตามที่สมาชิกมีความห่วงใยหรือไม่นั้น วันนี้ตนไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ทันที เนื่องจากต้องดำเนินการโดย ครม. แต่ตนในฐานะรัฐมนตรีจะขอรับข้อสังเกตดังกล่าวนี้ไปปรึกษาหารือกับ ครม. ต่อไป
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง
