15 ต.ค.68 - ผู้นำฝ่ายค้านฯ เรียกร้อง นายกฯ เร่งแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ เตือนยิ่งชักช้ายิ่งสะท้อนไม่โปร่งใส ย้ำพร้อมใช้กลไกอภิปรายไม่ไว้วางใจหากจำเป็น

image

           นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า ตนขอให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการแก้ไขปัญหาเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกรณีที่มีความเชื่อมโยงกับบุคคลในรัฐบาล เพราะหากดำเนินการล่าช้าหรือนิ่งเฉย ยิ่งสะท้อนถึงความไม่โปร่งใสของรัฐบาล เนื่องจากปัญหาเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเป็นปัญหาที่กระทบต่อประชาชนทั่วโลก ไม่เพียงแต่สหรัฐอเมริกา แต่ล่าสุดเกาหลีใต้ได้เริ่มดำเนินการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่บริเวณชายแดนของประเทศไทยอย่างจริงจัง ในฐานะที่ไทยมีพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ไทยควรเป็นหนึ่งในประเทศที่ถือบทบาทหลักในการแก้ไขปัญหานี้ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีควรมีแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวที่จริงจัง พร้อมเห็นว่า หากรัฐบาลสามารถดำเนินการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้อย่างรวดเร็ว ประชาชนและตนต้องการเห็นการดำเนินการปราบปรามเครือข่ายเหล่านี้อย่างเข้มข้นเช่นเดียวกัน
           ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การแก้ปัญหาควรแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น ได้แก่ประการแรก คือ ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งหากจะใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบรัฐต่อรัฐ จะมีกระบวนการทวิภาคีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น JBC, RBC หรือ GBC ประการที่สอง คือ ประเด็นที่แก๊งสแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาจมีส่วนผูกพันกับผู้มีอิทธิพลหรือเครือข่ายทางการเมืองในประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แยกออกมา และเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการได้อย่างเข้มแข็ง จริงจัง และรวดเร็ว รวมทั้งสามารถใช้กลไกระหว่างประเทศอย่าง ICC ซึ่งรัฐบาลไทยสามารถดำเนินการได้ทันที
          นอกจากนี้ จากการอภิปรายของ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในสภาฯ ได้ชี้ให้เห็นว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจเกี่ยวข้องกับบุคคลซึ่งอยู่ในคณะรัฐมนตรี หรือไม่นั้น ยิ่งนายกรัฐมนตรี ดําเนินการช้าหรือนิ่งเฉยในเรื่องนี้มากเท่าไหร่ อาจเป็นการแสดงออกให้สังคมเห็นว่า นายกฯไม่จัดการคนของตัวเองที่อาจมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ แต่หากดำเนินการเรื่องนี้ได้เร็ว จะเป็นการแสดงออกถึงความโปร่งใสหรือความไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาล
           ต่อข้อถามถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรี ในการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชายแดนหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผู้นําฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีอาจยังแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้นำสูงสุดในฝ่ายบริหารน้อยเกินไป ถ้าสังเกตการติดตามการให้ข่าว นายกรัฐมนตรี จะระบุว่า เป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานความมั่นคง แม้แต่กรณีที่มีการเปิดคลิปเปิดเพลงตามบริเวณชายแดนในจังหวัดสระแก้ว ซึ่งในฐานะที่เป็นผู้นำสูงสุดในฝ่ายบริหาร เห็นว่า นายกรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบในส่วนนี้ได้ พร้อมเน้นย้ำว่า นายกรัฐมนตรี ควรใช้อำนาจที่มีในการแก้ไข หากยังชะลอหรือล่าช้า เป็นสิ่งที่ฝ่ายค้านต้องยกระดับการตรวจสอบและการใช้อำนาจทางฝ่ายนิติบัญญัติในฐานะฝ่ายค้านเสียงข้างมากในการกดดันรัฐบาลให้เข้มข้นมากขึ้นต่อไปในอนาคต ซึ่งปัญหาเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาตินี้เป็นเครือข่ายที่เกิดขึ้นมายาวนานอยู่แล้ว และแน่นอนที่สุดว่าเป็นเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยตรง เพียงแต่ว่าฝ่ายค้านเองต้องพยายามที่จะดูว่าเกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดนี้อย่างไร พร้อมยืนยันว่า ฝ่ายค้านใช้ทุกกลไกในสภาตรวจสอบอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นการทำงานผ่านกรรมาธิการ การตั้งกระทู้ถาม หรือการอภิปรายในสภา หากเรื่องใดปล่อยไปจนเกิดความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้ ฝ่ายค้านมีอาวุธหนัก คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น

อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ