นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว โฆษก กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ รับหนังสือจาก นางสาวเกรซ ทู จาง ถี บุ่ย (Grace Thu Trang Thi Bui) พลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ลี้ภัยและนักสิทธิมนุษยชนที่ต่อสู้เรียกร้องสิทธิให้กับผู้ลี้ภัยชาวเวียดนาม นางสาวประกายดาว พฤกษาเกษมสุข รองผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และคณะ ขอให้ กมธ. ตรวจสอบข้อเท็จจริง ค้นหาพยานหลักฐานทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับการอุ้มหายและการผลักดันกลับประเทศเวียดนาม อันเข้าข่ายการกระทำให้บุคคลสูญหายตามมาตรา 7 และ 13 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 กรณี นายดวง วาน ไถ ชาวเวียดนามที่เป็นนักข่าวอิสระ ยูทูปเบอร์ และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ขับเคลื่อนเรื่องเกี่ยวกับสิทธิสิ่งแวดล้อม ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน ในฐานะผู้ลี้ภัยชาวเวียดนามที่ลี้ภัยมายังประเทศไทยตั้งแต่ปี 2561 เนื่องจากหวาดกลัวภัยประหารที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกในประเทศเวียดนาม ซึ่งถูกบังคับให้สูญหายไปเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2566 ก่อนครอบครัวจะได้รับแจ้งจากทางการเวียดนามเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 ว่านายไถถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศเวียดนามและถูกตั้งข้อหาว่าสร้างโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 117 ของประเทศเวียดนาม ต่อมาในเดือนตุลาคม 2561 ศาลฮานอยตัดสินจำคุกนายไถเป็นเวลา 12 ปี กรณีดังกล่าวเป็นที่น่าเชื่อว่ามีการอุ้มหายและผลักดันกลับนายไถ และอาจเข้าข่ายเป็นการละเมิดหลักการห้ามส่งกลับไปเผชิญอันตราย (Non-refoulement) อันเป็นจารีตประเพณีระหว่างประเทศ และเป็นการบังคับให้บุคคลสูญหาย ตามมาตรา 7 และการผลักดันบุคคลที่เชื่อว่าอาจตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกทรมาน ตามมาตรา 13 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ปี 65
นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว โฆษก กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ตนจะผลักดันเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ กมธ. เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจนตามกฎหมายต่อไป
คณรัตน์ ยินดีมิตร / ข่าว / เรียบเรียง
