การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาวาระเรื่องด่วน วาระรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... จำนวน 3 ฉบับ ซึ่งแต่ละฉบับมีที่มาจากต่างพรรคการเมืองเสนอ ประกอบด้วย ร่างฉบับของพรรคประชาชนที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กับคณะเป็นผู้เสนอ ร่างฉบับของพรรคภูมิใจไทยที่ นายอนุทิน ชาญวีกูล กับคณะเป็นผู้เสนอ และร่างฉบับของพรรคเพื่อไทยที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล กับคณะเป็นผู้เสนอ โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และ นายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่ประธานการประชุม เปิดกว้างให้สมาชิกรัฐสภาผลัดเปลี่ยนกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งนี้ตลอดระยะเวลาที่กำหนดในวันที่ 14 และ 15 ต.ค. 68 ก่อนจะมีการลงมติ ด้วยวิธีการขานชื่อเป็นรายบุคคลและแยกเป็นรายฉบับ ปรากฏผลคะแนนในวาระรับหลักการ แบ่งเป็น ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคประชาชน สมาชิกรัฐสภารับหลักการด้วยเสียง 568 ต่อ 10 เสียง งดออกเสียง 74 เสียง จำนวนนี้มี สว.ให้ความเห็นชอบ 108 เสียง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคภูมิใจไทย สมาชิกรัฐสภารับหลักการด้วยเสียง 629 ต่อ 7 เสียง งดออกเสียง 15 เสียง จำนวนนี้มี สว.ให้ความเห็นชอบ 167 เสียง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคเพื่อไทย สมาชิกรัฐสภารับหลักการด้วยเสียง 521 ต่อ 16 เสียง งดออกเสียง 15 เสียง แต่ในจำนวนนี้มีเสียง สว. เห็นชอบ 60 เสียง
อย่างไรก็ตาม แม้สมาชิกรัฐสภาจะลงมติเห็นชอบรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ไว้พิจารณาด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แต่ร่างแก้ไขฉบับของพรรคเพื่อไทย ได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว. ไม่ถึง 1 ใน 3 ของจำนวน สว. ที่มีอยู่ คือ 66เสียง ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จึงถือว่าที่ประชุมรัฐสภาไม่รับหลักการร่างของพรรคเพื่อไทยในวาระแรก เมื่อรัฐสภารับหลักการร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับไว้พิจารณาแล้ว กำหนดตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จำนวน 43 คน แบ่งสัดส่วนกรรมาธิการที่มาจาก สว. 12 คน และ สส. 31 คน ส่วนการจะกำหนดให้นำร่างฉบับของพรรคประชาชนหรือฉบับของพรรคภูมิใจไทยมาเป็นร่างหลักในการพิจารณาของกรรมาธิการนั้น ใช้วิธีการออกเสียงผ่านเครื่องลงคะแนน ปรากฏผลว่าร่างฉบับของภูมิใจไทยชนะร่างของพรรคประชาชนด้วยเสียงแตกต่างเพียง 5 คะแนน คือ 297 และ 252 คะแนน ทำให้สมาชิกร้องขอให้มีการนับคะแนนใหม่ ซึ่งประธานในที่ประชุมขณะนั้น คือ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา พิจารณาตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 58 ที่กำหนดว่าเมื่อมีการออกเสียงแล้วหากสมาชิกรัฐสภาร้องขอให้มีการนับคะแนนใหม่ โดยมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 40 คน ก็ให้มีการนับคะแนนเสียงใหม่ และให้เปลี่ยนวิธีการลงคะแนน เป็นการขานชื่อสมาชิกรัฐสภาออกเสียงลงคะแนนเป็นรายคน เว้นแต่คะแนนเสียงมีความต่างกันเกินกว่า 30 คะแนน จะขอให้มีการนับคะแนนเสียงใหม่มิได้ ที่ประชุมรัฐสภาจึงดำเนินการตามข้อบังคับ นับคะแนนเสียงใหม่ด้วยการขานชื่อก่อนปรากฏผลว่าสมาชิกรัฐสภาเห็นควรใช้ร่างฉบับที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กับคณะเป็นผู้เสนอ ซึ่งเป็นร่างฉบับของพรรคประชาชน ใช้เป็นร่างหลักในการพิจารณาของกรรมาธิการด้วยเสียง 300 เสียง ซึ่งมากกว่าร่างของพรรคภูมิใจไทยที่ได้รับเสียง 287 เสียง
ทั้งนี้ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคประชาชน เป็นการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 156 เพิ่มเติมกรณีที่รัฐสภาต้องมีการประชุมร่วมกัน และเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง