29 ต.ค.68 - พรรคพลังประชารัฐ ยื่นเสนอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบข้อมูลและเสนอแนะรัฐบาล หลังนายกฯ ลงนามปฏิญญากัวลาลัมเปอร์กับกัมพูชา และบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับแร่หายากกับสหรัฐฯ  ชี้เป็นการแสดงท่าทีทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ขัดกับหลักความเป็นกลางทางการทูตของไทย ส่อเจตนาเปิดช่องให้สหรัฐฯ เข้าแทรกแซง ส่วนปมปฏิญญา มองไทยยังล้มเหลว ปราบสแกมเมอร์

image

        นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับการยื่นหนังสือจาก นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  ขอให้ตรวจสอบการแสดงท่าทีทางภูมิรัฐศาสตร์ของรัฐบาลจากกรณีที่ไปลงปฏิญญากัวลาลัมเปอร์กับกัมพูชา และบันทึกความเข้าใจ (MOU) เกี่ยวกับแร่หายากกับสหรัฐฯ ในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ผ่านมาซึ่ง นายธีระชัย วิจารณ์ว่า การที่นายกฯ ลงนามปฏิญญาดังกล่าวในขณะที่ไทยยังมีคว่ามล้มเหลวในเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์ และประเด็นพื้นที่บ้านหนองจานและหนองแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งการจะปราบสแกมเมอร์ได้อย่างแท้จริง ควรตัดเส้นทางการเงิน ตัดการจ่ายไฟ ตัดจ่ายน้ำมัน ตัดอินเตอร์เน็ต รวมถึงห้ามส่งออกทองคำไปกัมพูชา ส่วนการลงนามในบันทึกความเข้าใจกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับแร่หายาก (Rare Earth) เหมือนเป็นการเปิดช่องทางเฉพาะพิเศษให้สหรัฐฯ สามารถล่วงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับแร่หายาก ล่วงรู้การจัดลำดับขั้นตอนดำเนินการของโครงการต่าง ๆ สามารถได้รับสิทธิการเข้ลงทุนเหมืองแร่ก่อนผู้อื่น รวมไปถึงโครงการเกี่ยวกับการถลุงและแต่งแร่ สามารถเข้ามาแทรกแซงในการยกร่างหรือแก้ไขทบทวนกฎระเบียบเกี่ยวกับแร่หายากเพื่อความมั่นคงของชาติไทย ได้รับสิทธิที่ไทยจะต้องแจ้งให้ทราบถึงการเปิดประมูลการทำแร่ในลำดับต้นเพื่อจะเตรียมการเข้าร่วมประมูลทันเวลา ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการแสดงท่าทีที่รัฐบาลไทยเลือกข้างท่ามกลางความขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่างมหาอำนาจสองฝ่าย คือ สหรัฐฯ และจีน ในเรื่องแร่หายากที่ตึงเครียดอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งได้รับสิทธิทางธุรกิจก่อนชาติอื่น ซึ่งอาจตีความได้ว่าเข้าลักษณะเป็นการแสวงหาอำนาจนอกอาณาเขต เหมือนในยุคของการล่าอาณานิคม
         

        นายธีรชัย กล่าวต่อไปว่าการยื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ เพราะต้องการให้ตรวจสอบเพื่อนำไปสู่การชี้แนะแก่รัฐบาล เพราะลงนามบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับแร่หายาก ส่งผลถึงการเลือกข้างในด้านการเมืองระหว่างประเทศ ถือเป็นการฝ่าฝืนหลักการรักษาความเป็นกลางซึ่งเป็นหลักการที่สำคัญในด้านนโยบายการต่างประเทศที่ไทยยึดถือมาตลอด และเข้าข่ายเป็นการส่อเจตนาเปิดช่องทางให้สหรัฐเข้ามาแทรกแซงการบริหารบ้านเมืองของไทย อาจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 3 ที่บัญญัติไว้ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ซึ่งไม่สามารถเปิดให้บุคคลชาติอื่นใดแทรกแซงเข้ามามีอิทธิพลได้ ส่วนการที่รัฐบาลเร่งรีบลงนามในปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ทั้งที่ไทยได้เปรียบด้านสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังมีการเผยแพร่ข้อมูลไปยังประชาชนเรื่องแผนที่ที่เกี่ยวข้องกับ MOU 2543 ที่จะยกเลิก แผนที่ 1:200,000 แล้วจะใช้เทคโนโลยี LiDAR แทน ถือเป็นข้อมูลไม่ถูกต้อง การที่รัฐบาลยอมรับข้อความในปฏิญญาที่ไม่กำหนดแผนงานชัดเจนในการปราบปรามสแกมเมอร์ ก่อให้เกิดความเคลือบแคลงในใจประชาชนชาวไทยและสื่อมวลชนทั่วโลก

อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ