นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ รองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว โฆษก กมธ. และคณะ รับหนังสือจากนางณัฐาศิริ เบิร์กแมน ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายอี ควิน บดั๊บ (Mr. Y Quynh Bdap) ผู้ลี้ภัยชาวเวียดนาม เพื่อขอให้กมธ. เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปยังประเทศเวียดนาม
นางสาวศศินันท์ กล่าวว่าเหตุการณ์เริ่มจากเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามร้องขอให้ส่งตัวนายอี ควิน บดั๊บ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2561 ต่อมา ทนายความได้สอบถามไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งชี้แจงว่านายอี ควิน บดั๊บ ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของสำนักงานฯ แล้ว ปัจจุบันผ่านไปกว่า 12 วัน ทั้งครอบครัวและทีมทนายยังไม่ทราบสถานะหรือที่อยู่ของนายอี ควิน บดั๊บ จึงร้องให้ กมธ.ตรวจสอบโดยเร่งด่วน
ด้านนางสาวชลธิชา กล่าวว่า ตนติดตามกรณีนี้มาตลอด และรู้สึกผิดหวังต่อคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ เนื่องจากพบว่าการพิจารณาของศาลมุ่งเน้นเฉพาะคำร้องและคดีจากประเทศต้นทาง โดยไม่ได้คำนึงถึงพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 มาตรา 13 ซึ่งควรเป็นกรอบสำคัญในการพิจารณาเรื่องการส่งตัวบุคคลกลับประเทศ พร้อมชี้ว่ากรณีนี้สะท้อนถึงปัญหาการบังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหาย ที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งที่กฎหมายฉบับนี้ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรกว่า 3 ปีแล้ว อีกทั้งประเทศไทยยังดำรงตำแหน่งในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งยิ่งทำให้ประเด็นการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเป็นภาพลักษณ์สำคัญบนเวทีโลก ทั้งนี้ กมธ. จะบรรจุเรื่องนี้เป็นวาระการประชุมในวันที่ 24 ธ.ค. 68 เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริง โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง รวมถึงทบทวนกรณีการผลักดันผู้ลี้ภัยกลับประเทศพร้อมประเมินภาพรวมปัญหาการบังคับใช้กฎหมายป้องกันการทรมานและการบังคับสูญหาย เพื่อให้มั่นใจว่ากฎหมายจะปกป้องความปลอดภัยของทุกคนบนแผ่นดินไทยอย่างแท้จริง
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง