21 ต.ค.68 - รองประธาน กมธ.การคุ้มครองผู้บริโภค สผ. ชูโมเดล LINE แก้ปัญหาสายไฟสื่อสารรกรุงรัง หลังร้องเรียนพุ่งกว่า 1,000 ราย เฉพาะภาคเหนือ ชี้ กระทรวงมหาดไทย เป็นเจ้าภาพหลัก แนะ 4 จ. เจอ-แจ้ง-จ่าย-จบ พร้อมผลักดันใช้กองทุน USO เยียวยาผู้เดือดร้อน

image

           นายกันต์พงษ์ ประยูรศักดิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายบุญเลิศ แสงพันธุ์ กรรมาธิการและที่ปรึกษา กมธ. ร่วมแถลงข่าวถึงแนวทางการแก้ปัญสายไฟสื่อสารรกรุงรังทั่วประเทศ หลังมีผู้ร้องเรียนกว่า 1,000 รายการ ในภาคเหนือเพียงพื้นที่เดียวตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน โดยนำเสนอโมเดล LINE และแนวทาง 4 จ. เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
              โดย นายกันต์พงษ์ กล่าวว่า ปัญหาสายไฟสื่อสารรกรุงรังเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ โดยเฉลี่ยผู้ร้องเรียนต้องรอรับการเยียวยาขั้นต่ำประมาณ 1 เดือน และบางรายแทบไม่ได้รับการเยียวยา กมธ.จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และบริษัทเอกชนผู้ให้บริการโทรคมนาคมทุกค่าย มาร่วมหารือและกำหนดแนวทางแก้ไข ตนจึงได้นำเสนอโมเดล LINE เพื่อแก้ปัญหาดังกล่างอย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ L : Liability (ความรับผิดชอบ) ซึ่งได้ข้อสรุปว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จะเป็นเจ้าภาพหลักในการประสานงานกับทุกภาคส่วน ทั้ง กฟน. กฟภ. กสทช. และผู้ให้บริการโทรคมนาคมต่างๆ เพื่อสร้างความชัดเจนในการแก้ไขปัญหา / I : Integration (บูรณาการ) คือ การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่า กสทช. จะมีระบบการทำงานแบบบูรณาการอยู่แล้ว แต่ยังพบว่าการทำงานร่วมกันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เพราะยังมีข้อร้องเรียนเรื่องสายยุ่งเหยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง / N : Network (เครือข่าย) หมายถึง เครือข่ายอินเทอร์เน็ต Wi-Fi และสายสื่อสารต่างๆ ที่ปัจจุบันยุ่งเหยิงอยู่กับเสาไฟฟ้า  โดยเมื่อประชาชนพบปัญหาสามารถแจ้งได้ที่เบอร์ต่างๆ ได้แก่ 1129 (กฟภ.) 1130 (กฟน.) 1175 (AIS) 1200 (กสทช.) และ 1242 (TRUE) ทั้งนี้ แนะนำให้แจ้งที่เบอร์ 1200 ของ กสทช. เป็นหลัก เนื่องจากเป็นหน่วยงานกำกับดูแลหลัก และ E : End (จบปัญหา) คือ การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการทำ Single Last Mile หรือ การรวมสายไว้ที่เดียว แทนที่แต่ละบริษัทจะลากสายของตนเองทำให้สายยุ่งเหยิง โดยในอนาคตจะมีการจัดทำท่อรวมสายทั้งแบบแขวนอากาศและแบบฝังใต้ดิน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีสายไฟที่ยังไม่มีการจัดการที่เป็นระเบียบ ประมาณ 7,000 กิโลเมตร ทั่วประเทศ ฝังใต้ดินไปแล้ว 1,000 กิโลเมตร ยังเหลืออีก 6,000 กิโลเมตรที่จะดำเนินการในอนาคต ซึ่งบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ได้เริ่มดำเนินการแล้ว อาทิ ถนนข้าวสาร ซอยนาคนิวาส รวมทั้งบางพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ พัทยา และราชบุรี
           นายกันต์พงษ์ ยังได้แนะนำแนวทาง 4 จ. สำหรับประชาชนที่พบปัญหา ได้แก่ 1. จ. : เจอ คือ เมื่อพบปัญหาสายไฟรกรุงรังให้รีบแจ้งปัญหา 2.จ.แจ้ง ให้รีบแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบตามเบอร์ที่แนะนำ 3.จ. : จ่าย คือ หน่วยงานที่รับผิดชอบจะเข้าไปจัดการแก้ไขทันที หากสืบทราบได้ว่าสายเป็นของบริษัทใด บริษัทนั้นต้องรีบเข้าไปแก้ไขและเยียวยา และ 4. จ. : จบ คือ การจบด้วยการเยียวยาผู้ประสบภัย ซึ่งปัจจุบันการเยียวยาผู้ประสบภัยยังล่าช้ามาก จึงต้องเร่งแก้ไขให้รวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ มีหน่วยงานเสนอให้ใช้เงินกองทุน USO (Universal Service Obligation) ของ กสทช. ซึ่งมีงบประมาณประมาณ 8,000 ล้านบาทต่อปี มาใช้เยียวยาผู้ที่เดือดร้อนจากอุบัติเหตุที่เกิดจากสายไฟสื่อสาร โดย กสทช. ต้องนำกระบวนการนี้เข้ามาพิจารณาอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน


อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ