การประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีวาระพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยในวันนี้ (21 ต.ค.68) เป็นการพิจารณาในวาระสอง เรียงตามลำดับมาตรา และวาระสาม ลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างกฎหมายทั้งฉบับ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะ กมธ.วิสามัญฯ กล่าวชี้แจงว่า เมื่อวันพุธที่ 16 ก.ค.68 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติรับหลักการแห่งร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. .... ที่มีนายวิชัย สุดสวาสดิ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ ร่วมกับร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาทำนองเดียวกับอีก 2 ฉบับ โดยสาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้มุ่งเน้นการนิรโทษกรรมคดีความอันเกิดขึ้นจากความเคลื่อนไหวหรือแรงจูงใจทางการเมือง โดย ที่ประชุม กมธ.วิสามัญ ได้บัญญัติฐานความผิดเอาไว้อย่างครอบคลุม และมีการปรับแก้ไขการนิรโทษกรรมในคดีที่เป็นความผิดทางอาญา รวมทั้งเพิ่มความผิดทางพินัยเพื่อที่จะให้ความครอบคลุมชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการให้ยุติการบังคับคดีในทางแพ่งกับกลุ่มผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองที่ถูกดำเนินคดีโดยหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ และให้คืนเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกอายัดหรือยึดไปจากผลแห่งคำพิพากษาในคดีแพ่ง นอกจากนี้ ได้กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่มีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นกรรมการ มีสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการและเลขานุการ มีองค์ประกอบจากภาคประชาชนซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิมาจากวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และจากที่ประชุมอธิการบดี และจากการเสนอชื่อของประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ จะครอบคลุมในหลายด้านทั้งการวินิจฉัยชี้ขาดการสื่อสารอธิบายความกับสังคมและการรับเรื่องร้องทุกข์อุทธรณ์ สำหรับผู้ซึ่งอาจจะตกหล่นหรือไม่ได้รับสิทธิ์ในคราวแรกของการพิจารณาเห็นชอบของคณะกรรมการ คณะกรรมการชุดนี้ประชุมนัดแรกภายใน 30 วันหลังจากที่กฎหมายบังคับใช้
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวด้วยว่า กมธ. ได้เพิ่มฐานความผิดที่จะได้รับการนิรโทษกรรมออกไปอีกหลายฐานความผิดด้วยกัน โดยเพิ่มไว้ในบัญชีท้ายอย่างครอบคลุมและกว้างขวางที่สุด เพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทุกกลุ่มสีอย่างเท่าเทียม รวมทั้ง กมธ.วิสามัญ ได้เห็นชอบให้มีการเพิ่มบทบัญญัติในการลบล้างประวัติอาชญากรรมสำหรับผู้ต้องคดีความจากความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่สำคัญได้เพิ่ม มาตรา 9/1 ที่ระบุให้ เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่กระทำความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง สามารถร้องขอเข้าสู่ กระบวนการฟื้นฟู โดยคณะกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุข แทนการรับโทษทางอาญาได้
นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ได้อภิปรายมาตรา 3 แห่งร่างกฎหมายฉบับนี้ ว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่า ร่างกฎหมายยังคงยกเว้นการนิรโทษกรรมเยาวชนที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งถือเป็นการนิรโทษกรรมแบบเลือกปฏิบัติ หรือไม่ ตนมองว่ายังไม่สามารถสร้างสันติสุขที่แท้จริงได้ เพราะคนรุ่นใหม่ยังต้องติดคุกเพราะความคิดเห็นแตกต่างจากมาตราดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด ควรนิรโทษกรรมความผิดดังกล่าวให้กับเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ในขณะกระทำความผิด
ภายหลังจาก สส. อภิปรายและลงมติเรียงตามลำดับมาตราเสร็จสิ้นแล้ว ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติในมาตราสาม ผลปรากฏว่า ที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. .... ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 280 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง หลังจากนี้จะส่งร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมวุฒิสภาต่อไป
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง