นายชินโชติ แสงสังข์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ในรายการ Law Talk กับ สว. หัวข้อ "ถอดบทเรียนปัญหาข้อพิพาท ไดกิ้น" ถึงปัญหาข้อพิพาทระหว่างสหภาพแรงงานของพนักงานกับบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องปรับอากาศสัญชาติญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยกว่า 40 ปี ว่า แม้ข้อพิพาทจะเริ่มต้นจากประเด็นโบนัส แต่หัวใจสำคัญที่นำไปสู่การ “ปิดงาน” (Lockout) ของบริษัทคือข้อตกลงเรื่องรางวัลทองคำ ทั้งนี้ บริษัท ไดกิ้นฯ มีโรงงานที่มีสหภาพแรงงานมาหลายปี และเดิมมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่ปัญหาเริ่มขึ้นเมื่อการจ่ายโบนัสผันแปรตามผลประกอบการ ในปี 2567 บริษัทมีผลกำไรกว่า 5,000 ล้านบาท (ช่วงต้นๆ) และได้จ่ายโบนัสแก่พนักงาน 7 เดือน พร้อมเงินบวกอีกจำนวนหนึ่ง แต่ในปี 2568 บริษัทมีกำไรสูงขึ้นไปถึง 5,000 - 6,000 ล้านบาท แต่กลับเสนอจ่ายโบนัสลดลงเหลือเพียง 5 เดือน พร้อมเงินบวกเล็กน้อย ซึ่งน้อยกว่าเดิมถึง 2 เดือนทำให้สหภาพแรงงานบริษัทไดกิ้นฯ จึงได้ยื่นข้อเรียกร้องให้จ่ายโบนัส 8 เดือน พร้อมเงินบวก 28,000 บาท โดยให้เหตุผลว่าเมื่อบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น ย่อมควรที่จะจ่ายโบนัสเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน
นายชินโชติ กล่าวว่า การเจรจาในระบบทวิภาคี ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ดำเนินไปถึง 8 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการไตรภาคี โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานเป็นคนกลาง อีก 3 รอบ รวมการเจรจาทั้งหมด 11 ครั้ง อย่างไรก็ตาม เมื่อการเจรจาครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลง บริษัทตัดสินใจไม่นัดเจรจาต่อ และใช้สิทธิ์ในการ “ปิดงาน” ซึ่งเป็นการงดจ้างเฉพาะสมาชิกสหภาพแรงงาน
นายชินโชติ ตั้งข้อสังเกตว่า การปิดงานเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ หลังจากเจรจาไตรภาคีเพียง 3 ครั้ง ทั้งที่บริษัทใหญ่ในอุตสาหกรรมมักจะเจรจานานกว่านั้นมาก ส่วนตัวมองว่าแท้จริงแล้วประเด็นโบนัสไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่ตกลงกันไม่ได้ ขณะที่ข้อตกลง เรื่องทองคำเป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทกับพนักงานเป็นรายบุคคล โดยมอบทองคำ 3 บาท ให้แก่พนักงานที่มีอายุงานครบ 10 ปี โดยไม่มีการขาด ลา สาย หรือป่วยเลยตลอดระยะเวลา 10 ปี ซึ่งข้อตกลงนี้ไม่ได้อยู่ในกระบวนการข้อพิพาทแรงงาน
นายชินโชติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงเวลาที่ทำข้อตกลงไว้ ราคาทองคำอยู่ที่ประมาณบาทละ 40,000 บาท แต่ ณ วันที่มีพนักงาน ซึ่งมีจำนวนถึง 1,300 คน ครบกำหนด ราคาทองคำได้พุ่งสูงขึ้น โดยทองคำ 3 บาท มีมูลค่าสูงถึง 189,000 บาท โดยบริษัทไดกิ้นฯ ไม่สามารถจ่ายได้ตามมูลค่าทองคำที่เพิ่มขึ้น จึงเสนอจ่ายเป็นเงินสด 50,000 บาทแทน โดยอ้างอิงจากราคาทองคำเมื่อครั้งที่ตกลงกัน ส่วนการปิดงานทำให้ลูกจ้างกว่า 2,000 คน ไม่ได้รับค่าจ้างและเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากสายป่านทางการเงินสั้นกว่านายจ้าง ด้วยเหตุนี้ สหภาพแรงงานจึงตัดสินใจ "ชิงยอม" เพื่อให้บริษัทเปิดงาน สำหรับผลการตกลงยุติ บริษัทตกลงจ่ายโบนัส 7 เดือน (เท่ากับปีที่แล้ว) และเรื่องทองคำ บริษัทจะจ่ายเป็นเงิน 50,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำกว่ามูลค่าทองคำจริง 3 บาท ที่ควรจะได้ 189,000 บาท
นายชินโชติ กล่าวด้วยว่า ตนเห็นใจต่อสหภาพแรงงานที่ต้องยุติข้อพิพาท โดยระบุว่าบริษัทใช้กลยุทธ์กดดันด้วยการปิดงาน และเริ่มรับสมัครคนงานใหม่ รวมถึงขอให้พนักงานเดิมลาออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานเพื่อกลับเข้าทำงาน อย่างไรก็ตาม ตนขอย้ำว่าผู้ประกอบการต้องรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับพนักงาน โดยเฉพาะรางวัลต่างๆ ที่เป็นขวัญและกำลังใจ การที่บริษัทมีกำไรสูงได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือของพนักงาน และชื่นชมสหภาพแรงงานที่เรียกข้อเรียกร้องอย่างมีเหตุผล โดยอิงจากผลกำไรที่สูงขึ้น ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐ คือ กรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน ควรเข้ามารับฟังและใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมในการเจรจาตั้งแต่แรก ซึ่งสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการปิดงานได้ ซึ่งการปิดงานครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทและเศรษฐกิจโดยรวม และอาจกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้บริษัทอื่นๆ ใช้การปิดงานเพื่อบีบให้พนักงานยอมรับข้อเสนอที่ไม่เป็นธรรมในอนาคต
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง