25 มี.ค. 67 – รมว.ธรรมนัส นำข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงความคืบหน้าหลังตั้งหน่วยเฉพาะกิจ พญานาคราช ปราบเนื้อสุกร – สินค้าผิดกฎหมาย พบหลายบริษัทปลอมแปลงเอกสาร ลักลอบนำเข้า แจ้งความดำเนินคดีตำรวจสอบสวนกลาง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1.4 พันล้านบาท 

image

            ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมว.กษ.) พร้อมด้วย นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ พลตำรวจตรี วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และพันเอก รวิรักษ์ สัตตบุศย์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช ร่วมกันแถลงข่าวที่รัฐสภา กรณีการยื่นดำเนินคดีปลอมแปลงเอกสารนำเข้าเนื้อสุกรผิดกฎหมาย หรือ หมูเถื่อน ระบุว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งเป้าปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ โดยได้แต่งตั้งหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช (ฉก.พญานาคราช) ขึ้นเพื่อขับเคลื่อนนโยบายปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ทั้งสินค้าพืช ประมง และปศุสัตว์ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการอย่างจริงจังและเห็นผลเป็นรูปธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การลงพื้นที่สุ่มตรวจตู้คอนเทนเนอร์ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 66 พบการลักลอบนำชิ้นส่วนสุกรปะปนอยู่ภายในตู้สินค้าประมงซึ่งเป็นปลาแช่แข็ง จากนั้นเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 67 ได้ตั้ง War room โดยผู้เชี่ยวชาญจากกรมประมงและกรมปศุสัตว์ ร่วมกันตรวจสอบเอกสารประกอบการนำเข้าสัตว์น้ำของกรมประมง พบเอกสารที่มีการปลอมแปลง ซึ่ง ฉก.พญานาคราช ได้ยื่นดำเนินคดีปลอมแปลงเอกสาร จากการขยายผลของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้าและส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมายของกรมประมง นอกจากนี้พบบริษัทสวมสิทธิปลอมใบรับรองสุขอนามัยสัตว์ (Health Certificate) จำนวน 220 ครั้ง ระบุประเภทสินค้าไม่ตรงตามความเป็นจริง รวมน้ำหนักกว่า 5.9 ล้านกิโลกรัม จาก 220 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 1,400 ล้านบาท

            ด้าน นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติม ว่าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้า และส่งออก สินค้าประมงผิดกฎหมาย ได้ตรวจพบ 1 บริษัท ที่มีความผิดปกติมากถึง 220 ครั้ง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบใบรับรองสุขอนามัยสัตว์ ที่ผู้นำเข้าใช้ยื่นในระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อขอนำเข้า และกรมประมงได้ทำการตรวจสอบยืนยันกับประเทศต้นทาง พบว่าใบรับรองสุขอนามัยสัตว์ ที่ประเทศต้นทางออกให้นั้น เป็นสินค้าคนละประเภทกับที่ผู้นำเข้าใช้ยื่นกับกรมประมง ศูนย์ฯ จึงได้ดำเนินการแจ้งความต่อกรมสอบสวนกลางแล้ว 20 คดี รวม 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ศิขัณทิน เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริบูรณ์ เทรดดิ้ง และเมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา ฉก.พญานาคราช ได้แจ้งความต่อผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จำนวน 1 บริษัทกรณีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อใช้ประกอบการขออนุญาตนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำต่อกรมประมง คือ บริษัท ศิขัณทิน เทรดดิ้ง จำกัด ใน 4 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญาฐานปลอมแปลงเอกสาร ตามมาตรา 264 การใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 137 และความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ตามมาตรา 14 (1) และ (2) รวมจำนวนทั้งสิ้น 220 คดี โดยได้ส่งมอบเอกสารหลักฐานทั้งหมดให้กับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีการออกหมายเรียกผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คดีอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ดังนั้นจึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องนำพยานหลักฐานมาชี้แจงต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นอกจากนี้กรมประมงยังจะดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม หากตรวจพบพฤติกรรมลักษณะดังกล่าวอีกก็จะดำเนินคดีเช่นเดียวกันต่อไป

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ