นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การสื่อสารโทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายสยาม หัตถสงเคราะห์ รองประธานกรรมาธิการฯ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด กรรมาธิการและที่ปรึกษาฯ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ กรรมาธิการและที่ปรึกษาฯ นายพชร จันทรรวงทอง โฆษกกรรมาธิการฯ และคณะ ลงพื้นที่ศึกษาดูงานเรื่อง Smart City และระบบการแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน โดยมีนายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลนครยะลา ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมศรียรรยง เทศบาลนครยะลา ตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา
โดย กมธ.ได้รับฟังข้อมูลการพัฒนา Smart City และระบบการแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน ของเทศบาลนครยะลาที่ได้นำเอาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลสารสนเทศมาใช้เพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ยกระดับคุณภาพชีวิต ตลอดจนความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้เป้าหมาย นครยะลา เมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ เทศบาลนครยะลาได้เริ่มต้นการยกระดับการพัฒนาเมืองครอบคลุมด้านสำคัญ 4 ด้านหลัก คือ 1.การดำรงชีวิตอัจฉริยะ(Smart Living) มุ่งยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิต ด้วยการให้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะ (Free WiFi) ครอบคลุมทุกมุมเมืองระบบกล้องวงจรปิด ได้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของประชาชนในเขตเมือง (Urban Safety) ระบบเสาไฟอัจฉริยะ (Smart pole) บนฐานของการใช้นวัตกรรม loT (Internet of Things) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ หรือส่งข้อมูลระหว่างกันด้วยอินเทอร์เน็ตอย่างมีประสิทธิภาพ 2.การบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) มุ่งใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม โดยพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม การบริหารจัดการเทศบาลนครยะลา เพื่อเป็นช่องทางเชื่อมต่อกับประชาชนไม่ว่าจะเป็นการรับเรื่องร้องเรียน การสื่อสารกับประชาชน การทำประชามติ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการรองรับภัยพิบัติ หรือโรคติดต่อที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกกลุ่มวัยอย่างทั่วถึง 3.สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) มุ่งพัฒนาจุดเด่นของเมืองยะลาด้านการเป็นเมืองสีเขียว ผังเมืองสวย มีมาตรฐานสากล และเมืองแห่งความสะอาดให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น มีการตรวจวัดและรายงานคุณภาพของสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำ อากาศ ฯลฯ จัดให้มีโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัดนำไปผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า หล่อเลี้ยงเมืองด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม และ 4.เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) มุ่งใช้ต้นทุนอัตลักษณ์ในพื้นที่ และการใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ที่รองรับการขยายตัวของธุรกิจดิจิทัล และเสริมมูลค่าให้กับการตลาดการค้าการลงทุน และตลาดแรงงานในพื้นที่ ด้วยการพัฒนาระบบ E-commerce ธุรกิจการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวก ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ เพิ่มโอกาสในการขาย และสร้างอาชีพให้กับประชาชนได้อย่างเท่าเทียมกัน ตลอดจนสร้างระบบนิเวศเพื่อดึงดูดบริษัทจัดตั้งใหม่ (Startup)เข้ามาในเมือง
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง