28 มี.ค.67-สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเป็นองค์ประธานพิธีเททองหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ สำนักช่างสิบหมู่ จ.นครปฐม เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ปวงชนชาวไทย

image

        สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเป็นประธานในพิธีเททองหล่อ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นางสาวนภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา ผู้บริหารของทั้งสองสำนักงานฯ ผู้บริหารกรมศิลปากร บุคลากรในวงงานรัฐสภา ข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้าง เข้าร่วมพิธี ณ สำนักช่างสิบหมู่ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม

        นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ได้กราบทูลถวายรายงานถึงที่มาและวัตถุประสงค์ของการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า เนื่องจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้มีโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในพื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) เขตดุสิตกรุงเทพฯ ซึ่งแบบแปลนของอาคารรัฐสภาจะมีพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานอยู่บริเวณด้านหน้าอาคารเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามแก่ประชาชนชาวไทย และเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจประชาชนตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปกครองประเทศทุกภาคส่วน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงสละพระราชอำนาจเพื่อให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนปกครองประเทศโดยแท้จริง ด้วยเหตุนี้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจึงได้หารือกับกรมศิลปากร เรื่อง การดำเนินการในการอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์จากอาคารรัฐสภาแห่งเดิม (ถนนอู่ทองใน) ไปประดิษฐานด้านหน้าอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ทั้งนี้ กรมศิลปากรได้พิจารณาว่าอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เป็นอาคารขนาดใหญ่ หากจะอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์องค์เดิม ไปประดิษฐานด้านหน้าอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ จะไม่สง่างาม สมพระเกียรติ จึงเห็นควรจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ขนาด 4 เท่าของพระองค์จริงให้เหมาะสมกับอาคารขนาดใหญ่ ดังนั้น สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจึงเห็นสมควรจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ตามแนวทางการเสนอความเห็นดังกล่าว ซึ่งกรมศิลปากร เป็นผู้รับผิดชอบการออกแบบและดำเนินการก่อสร้าง โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติ และกรมศิลปากรได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว สำนักพระราชวังแจ้งว่าพระราชทานพระบรมราชานุญาตตามที่ขอพระมหากรุณา ในส่วนการดำเนินการกรมศิลปากรจะใช้ระยะเวลา 48 เดือน กำหนดเป็น 4 ขั้นตอน ขณะนี้ การดำเนินการอยู่ในขั้นตอนที่ 4 คือ การเททองหล่อโลหะพระบรมราชานุสาวรีย์ ในเดือน มี.ค.67 

        ขณะที่ในช่วงเช้าได้มีพิธีได้มีพิธีบวงสรวงบูชาฤกษ์โดยมีนายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าโหรพราหมณ์ สำนักพระราชวัง เป็นผู้อ่านโองการบูชาฤกษ์ โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ