29 มี.ค. 67 - พรรคก้าวไกล แถลงยืนยันขอนับองค์ประชุมขณะพิจารณารายงานเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หวัง กมธ.วิสามัญฯ นำกลับไปพิจารณาให้สมบูรณ์ เหตุไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหาพนันผิดกฎหมาย 

image

          นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ และนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลขอนับองค์ประชุมในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (28 มี.ค. 67) ระหว่างการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่องการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว
          นายชุติพงศ์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลตั้งใจที่จะให้รายงานฉบับดังกล่าวผ่านไปด้วยความสมบูรณ์ที่สุด แต่จากการรับฟังการอภิปรายของ สส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน พบว่ายังมีข้อติดขัดในหลายเรื่อง รวมถึงการแถลงของประธานกรรมาธิการวิสามัญเอง ที่เหมือนยอมรับว่ารายงานไม่มีความสมบูรณ์อย่างไร พรรคก้าวไกลจึงต้องการให้ถอนรายงานกลับไปพิจารณาศึกษาเพิ่มเติม แต่เมื่อประธานกรรมาธิการวิสามัญ ยืนยันที่จะให้เดินหน้าพิจารณาต่อ โดยไม่สนใจข้อทักท้วงของฝ่ายค้าน ตนจึงขอให้นับองค์ประชุม เพื่อตรวจสอบว่าฝ่ายรัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะให้รายงานฉบับนี้ผ่าน แต่ทั้งนี้ต้องชื่นชมพรรคร่วมรัฐบาลที่มีองค์ประชุมครบ 250 เสียง
          ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า หากพูดถึงรายงานฉบับนี้หลายคนยังสงสัยในจุดประสงค์หลักของการศึกษาสถานบันเทิงแบบครบวงจรว่ามีผลดีอย่างไร โดยต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ การแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเรื่องประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ แต่รายงานฉบับนี้แทบจะไม่มีการระบุถึงวิธีการแก้ปัญหาเรื่องการพนันผิดกฎหมายเลย แต่เป็นการมุ่งเน้นเรื่องธุรกิจเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต้องยอมรับว่ายังขาดความสมบูรณ์ เช่น ปัญหาการพนันออนไลน์ ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ บ่อนการพนันในต่างจังหวัด เป็นต้น
          นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องสถานที่ตั้งสถานบันเทิงแบบครบวงจรว่า แม้ในรายรายงานไม่ได้ระบุชัดเจน แต่พบสิ่งที่กังวล อย่างกรณีพื้นที่อู่ตะเภา จังหวัดระยอง ที่ทราบว่ามีการเซ็นสัญญากันไปแล้ว ซึ่งจะนำไปสู่การเอื้อประโยชน์ เกิดการผูกขาด อีกทั้งบริษัทที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างที่จะได้โครงการนี้ไปจะไม่มีความโปร่งใส ซึ่งเป็นส่วนที่ฝ่ายค้านกังวลและรัฐบาลก็ยังชี้แจงไม่ได้ อีกทั้งยังรวมไปถึงเรื่องการบริหารจัดการในอนาคตด้วย ที่พบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีประสิทธิภาพต่ำมาก จึงฝากไปยังรัฐบาลว่าหากบริหารจัดการดีก็จะเป็นโอกาส แต่หากบริหารจัดการไม่ดีจะเป็นวิกฤตแทน
          ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลจะขอเวลาในการอภิปรายทั่วไปรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 คืน จากฝ่ายค้าน ภายหลังเกิดกรณีขอนับองค์ประชุมเมื่อวานนี้ ว่า การหารือระหว่างคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) มีทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยการหารือของวิปแต่ละฝ่ายสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในวิปได้อยู่เสมอ แต่หากเป็นมติร่วมของวิป 2 ฝ่าย ถือเป็นการหารือที่เป็นทางการมากที่สุด การที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงนั้น คิดว่าไม่เหมาะสม อีกทั้งเวลาการอภิปรายตามมาตรา 152 นั้น ได้ข้อสรุปไปแล้ว
          นายปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวด้วยว่า การขอนับองค์ประชุมนั้น เป็นหนึ่งในเครื่องมือของฝ่ายค้าน และที่ผ่านมาฝ่ายค้านโดยแกนนำ คือ พรรคก้าวไกลมีการเสนอขอนับองค์ประชุมน้อยมาก หากเทียบกับฝ่ายค้านในสภาฯ ชุดอื่น ๆ

ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ