17 เม.ย.67 –   กมธ.การสาธารณสุข วุฒิสภา เผย สธ.เตรียมเร่งรัดให้รพ.ทุกพื้นที่ พัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพดิจิทัลให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน รองรับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว พร้อมแนะส่งเสริมให้ รพ.ภาคมหาวิทยาลัยเข้าร่วมระบบมากขึ้น เพื่อให้ได้ข้อมูลขนาดใหญ่นำมาพัฒนาระบบสุขภาพประชาชน

image

                การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข วุฒิสภา ที่มีนายแพทย์เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธาน กมธ. เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาความคืบหน้าการพัฒนาระบบฐานข้อมูลและการจัดทำระบบสารสนเทศ รวมทั้งระบบการบันทึกข้อมูลและเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยบริการทุกระดับ ตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว โดยมีผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร่วมให้ข้อมูลว่า การพัฒนาระบบสารสนเทศของระบบสาธารณสุขในปัจจุบันมีความก้าวในระดับที่สูงขึ้นและเป็นการพัฒนาเพื่อรองรับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ระยะที่ 2 โดยพัฒนาต่อยอดฐานข้อมูลจากระบบหมอพร้อมร่วมกับบริษัทเอกชน 30 บริษัท ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ทำให้เกิดข้อมูลสุขภาพขนาดใหญ่ จากทุกกองทุนสุขภาพทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ ข้อมูลยา ประวัติสุขภาพ ใบรับรองแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ การนัดหมายออนไลน์ที่สามารถเลือกโรงพยาบาลได้ โดยโรงพยาบาลสามารถจัดทำระบบรองรับการให้บริการได้ตามความพร้อมของแต่ละโรงพยาบาลผ่านระบบมาตรฐานกลาง ทั้งนี้ การพัฒนาระบบดังกล่าว ทำให้มีศูนย์รวมข้อมูลในระบบกลาง Data Center ระบบสุขภาพของประเทศ สามารถลดปัญหาการลงระบบข้อมูลซ้ำซ้อนของแพทย์ในระบบต่าง ๆ รวมถึงการเชื่อมต่อกับระบบการเบิกจ่ายกับกองทุนสุขภาพได้แบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังมีการพัฒนาระบบบริการรับส่งยา (Health Rider) โดยมีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการกว่า 260 แห่ง ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนโดยไม่ต้องรอรับยา และโรงพยาบาลสามารถจัดส่งยาให้ได้ทันทีในระยะทาง 15 กิโลเมตร ตามที่อยู่ที่เป็นปัจจุบันของผู้ป่วย และในอนาคตจะมีการพัฒนาต่อยอดการบริการเจาะเลือดที่บ้านพร้อมกับการนัดหมายแพทย์ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อยู่ระหว่างการเร่งรัดพัฒนาให้โรงพยาบาลในทุกพื้นที่สามารถพัฒนาระบบข้อมูลให้เป็นมาตรฐานเดียวกันโดยเร็ว โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนจากงบกลางเพื่อดำเนินการด้วยแล้ว

               ภายหลังการพิจารณา กมธ.ได้กล่าวชื่นชมต่อการพัฒนาระบบสุขภาพดิจิทัลที่ก้าวหน้าของ สธ. พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะว่า ควรส่งเสริมให้โรงพยาบาลภาคมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนแพทย์เข้าร่วมระบบมากขึ้น จะทำให้ได้ข้อมูลสุขภาพขนาดใหญ่ที่จะนำมาพัฒนาระบบสุขภาพของประชาชน และหากสามารถพัฒนาระบบข้อมูลควบคู่กับการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคของประชาชนได้จะเกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น โดยทำให้ประชาชนสามารถใช้บัตรประชาชนวัดค่า BMI ของตนเองได้ในจุดบริการใกล้บ้าน โดยเฉพาะ รพ.สต. คลินิกชุมชนอบอุ่น และร้านสะดวกซื้อที่กระจายอยู่ โดยหากประชาชนคนใดสามารถลดค่า BMI ของตนเองได้ ให้สามารถเก็บเป็นคะแนนสะสมสุขภาพดีเพื่อรับค่าตอบแทนจากภาครัฐ ซึ่งจะสามารถสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนได้พร้อมกับการมีสุขภาพดีถ้วนหน้า อย่างไรก็ตาม สธ.จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างเข้มแข็ง และควรเร่งพัฒนากฎหมายด้านสุขภาพดิจิทัลโดยเร็ว โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ให้มีความมั่นคงและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการคุ้มครองข้อมูลสุขภาพของประชาชน

อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

กมธ.การสาธารณสุข วุฒิสภา ข้อมูล/แฟ้มภาพ

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ