17 เม.ย.67- ปธ.กมธ.อุตสาหกรรม สผ. เสนอนายกรัฐมนตรีใช้งบกลางย้ายกากแคดเมียม 12,400 ตัน ไปยังพื้นที่ฝังกลบ จ.ตาก พร้อมแนะให้บรรจุไว้ในตู้คอนเทนเนอร์เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจาย ย้ำเอาผิดทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ประกอบการโรงงานตาม พ.ร.บ.โรงงานฯ -พ.ร.บ.วัตถุอันตรายฯ- พ.ร.บ.แร่ฯ 

image

        นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร และคณะ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุม กมธ. ถึงแนวทางการขนย้ายกากแคดเมียม ออกจากพื้นที่ฝังกลบ จังหวัดตาก ที่มีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานคณะกรรมการฯ ร่วมกันกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่า ที่ประชุม กมธ. มีข้อห่วงใยถึงวิธีการขนย้ายกากแคดเมียมกลับไปยังพื้นที่ฝังกลบจังหวัดตากให้มีความปลอดภัย โดยคณะกรรมการฯ ชี้แจงว่าจะใช้ดับเบิ้ลแบ๊กห่อหุ้มถุงบิ๊กแบ็กที่บรรจุกากแคดเมียมอีกชั้นหนึ่งเพื่อความปลอดภัยก่อนเคลื่อนย้ายลงพื้นที่ฝังกลบ โดยกำหนดวันเคลื่อนย้ายในวันที่ 7 พ.ค.67 อย่างไรก็ตาม กมธ. มีข้อห่วงใยว่าช่วงเวลาดังกล่าวนั้นล่าช้าไปจากเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 17 เม.ย.67 ดังนั้น ในระหว่างนี้ จึงเสนอให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นำกากแคดเมียมที่พบ จำนวน 12,400 ตัน ให้บรรจุไว้ในตู้คอนเทนเนอร์โดยด่วนเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายระหว่างขนย้าย และเสนอให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำงบกลาง มาใช้จ่ายเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวไปพลางก่อน จากนั้นให้ดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ประกอบการที่กระทำผิดมาชดเชยในภายหลัง นอกจากนี้ กมธ. มีข้อเสนอให้ก่อสร้างบ่อเก็บกากแคดเมียมเพิ่มเติมในกรณีที่ไม่สามารถฝังในบ่อเก็บเดิมได้เพียงพอ และให้ขนย้ายลงไปทั้งถุงบิ๊กแบ็กเพื่อไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจาย

        นายอัครเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า กมธ. ได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นจังหวัดแรกที่พบกากแคดเมียม โดยผลจากการตรวจสอบสุขภาพของประชาชนในบริเวณโรงงานที่พบกากแคดเมียมหลายจุด พบว่า เจ้าหน้าที่ในโรงงาน 21 คน พบผู้มีค่าเลือดเกินค่ามาตรฐาน 7 คน ส่วนประชาชนที่อาศัยรอบโรงงาน 34 คน พบผู้มีค่าเลือดเกินมาตรฐาน 17 คน โดย กมธ.ได้มีการประสานงานให้ขอเจ้าหน้าที่สาธารณสุขติดตามขยายผลและสอบสวนโรคเพิ่มเติม รวมทั้งได้ให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร รายงานผลการตรวจสอบคุณภาพอากาศ ดิน และน้ำ รอบโรงงานดังกล่าว ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการรั่วไหลของสารแคดเมียม ดังนั้น กมธ. จึงได้ขอให้ตรวจสอบสระน้ำใกล้เคียงด้วยและขอให้รายงานต่อ กมธ. โดยด่วนภายใน 7 วัน 

        ประธานคณะ กมธ. การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดจากกรณีกากแคดเมียม ว่า ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) ให้สอบสวนเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ปล่อยปละละเลยให้มีการขุดกากแคดเมียมอย่างผิดกฎหมาย พร้อมตั้งคณะกรรมการเอาผิดเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวด้วยความรวดเร็ว ส่วนการเอาผิดกับผู้ประกอบการโรงงานนั้น กรมโรงงานจะเอาผิดตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงงาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 นอกจากนี้ จะมีการเอาผิดกับโรงงานต้นทางด้วย โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตประกอบโลหะกรรม และใบอนุญาตโรงงานอุตสาหกรรม (ใบ รง.4) ที่ต้องมีการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment Report: EIA) โดยระบุว่าต้องมีการฝังกลบกากแคดเมียมใต้บ่อคอนกรีตอย่างถาวรโดยห้ามไม่ให้มีการขุดขึ้นมาโดยเด็ดขาด ดังนั้น เมื่อมีการละเมิดเกิดขึ้น ทางอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่จะต้องดูว่าทำผิด พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 ข้อใด และต้องดูว่าจะดำเนินคดีกับโรงงานดังกล่าวที่ละเมิดรายงาน EIA ตามกฎหมายข้อใดบ้าง ขณะที่ผู้แทนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้แจงว่า จะมีการโอนสำนวนจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมาให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ มาดำเนินคดีแทนซึ่งจะมีการประชุมในเร็ว ๆ นี้ และ กมธ. จะมีการติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด รวมถึงจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบความคืบหน้าเป็นระยะด้วย

 

ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ